เอเอฟพี รายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ แสดงความหวังว่า การหารือรอบที่ 2 กับสมาชิกสภาคองเกรสระดับสูงจากพรรครีพับลิกัน รวมถึงนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯในทำเนียบขาวในวันพรุ่งนี้(16 พฤษภาคม 2566) คาดว่า ทั้งสองฝ่ายจะประสบความสำเร็จในการเจรจาข้อตกลงเรื่องการขยายเพดานหนี้สาธารณะให้กับรัฐบาลสหรัฐฯจากปัจจุบันซึ่งกำหนดไว้ที่ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อีกทั้งจะช่วยให้สหรัฐฯรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ พร้อมเตือนว่า หากการเจรจาล้มเหลว เสี่ยงส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯและทั่วโลก
นายไบเดน พูดเรื่องนี้กับบรรดานักข่าว ขณะปั่นจักรยานใกล้บ้านในแถบชายหาดของรัฐเดลาแวร์เมื่อวาน ระบุว่าเขายังคงมีความหวังว่าในที่สุด ทั้งฝ่ายรัฐบาลและสภาคองเกรสสหรัฐฯจะตกลงเรื่องนี้สำเร็จ เชื่อว่า สมาชิกสภาคองเกรสทั้งจากพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต อยากให้การเจรจาประสบผลสำเร็จเช่นเดียวกัน
ขณะที่สำนักงบประมาณของสภาคองเกรส ระบุ เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ขอให้สภาคองเกรสและรัฐบาลเจรจาเรื่องนี้ให้สำเร็จโดยเร็ว แทนที่รอตกลงกันสำเร็จในนาทีสุดท้ายก่อนครบกำหนดชำระหนี้ เตือนว่า ผลกระทบร้ายแรงที่จะเกิดขึ้น เช่น ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ตลอดถึงเศรษฐกิจและตลาดหุ้นทั่วโลก
สำหรับการประชุมนัดแรกเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม นายไบเดนและนายแมคคาร์ธี ยังไม่สามารถตกลงกันในเรื่องนี้ ในตอนแรก ทั้งสองฝ่ายเลื่อนการเจรจาออกไปเป็นวันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคม แต่ต่อมาได้เลื่อนการเจรจาออกไปอีก จนมาเป็นวันพรุ่งนี้ โดยสมาชิกสภาคองเกรสจากพรรครีพับลิกันส่วนใหญ่ เสนอให้รัฐบาลปรับลดการใช้จ่ายงบประมาณ แลกกับการโหวตสนับสนุนเพดานหนี้สาธารณะให้กับรัฐบาล
ขณะที่ ทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ย้ำมาหลายเดือนแล้วว่า เรื่องความเชื่อถือของนักลงทุนต่อตราสารหนี้ของสหรัฐฯไม่ควรเป็นประเด็นที่พรรคใดนำมาเจรจาต่อรองหวังผลในทางการเมือง ด้านนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ นายวอลลี อเดเยโม รัฐมนตรีช่วยคลังสหรัฐฯและนักการธนาคารหลายคนของสหรัฐฯเตือนว่า การผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐฯ ถ้าเกิดขึ้นจริงจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ เงินคงคลังของสหรัฐฯจะหมดภายในวันที่ 1 มิถุนายนนี้
#สหรัฐฯ
#หวังเจรจาขยายเพดานหนี้สำเร็จ