พล.อ.อนุพงษ์ บอกสื่อมโนเอง ย้ายขรก.ระดับสูง ชี้ให้ปลัดมท.พิจารณา

การโยกย้ายข้าราชการระดับสูงในกระทรวงมหาดไทย พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยืนยันไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบัญชีการโยกย้ายข้าราชการอยู่แล้ว โดยปล่อยให้เป็นหน้าทีของนาย วิบูลย์ สงวนพงษ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย จากการสอบถาม  มั่นใจว่า ยังไม่มีการปรับโยกย้ายข้าราชการระดับสูงในเร็วๆนี้แน่นอน อาจต้องรอปรับช่วงปลายปี ซี่งจะให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย  เป็นผู้พิจารณา

สำหรับกระแสข่าวที่เกิดขึ้นนั้น พล.อ. อนุพงษ์ ระบุว่า ต้องเรียกว่าเป็นการนั่งเทียนข่าวหรือที่ภาษาวัยรุ่ยเรียกว่า ชอบมโน และต้องไปดูว่าข่าวต้นฉบับมีที่มาอย่างไร   ส่วนการพิจารณารายชื่อข้าราชการทุจริตกว่า 100 รายชื่อนั้น  มอบหมายให้ปลัดกระทรวงไปดูแล้วเช่นกัน หากพบว่ามีความผิดจะดำเนินคดีตามกฎหมายทันที แต่ผู้ที่ถูกร้องมีสิทธิที่จะต่อสู้ และชี้แจงข้อเท็จจริง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน และยืนยันว่าไม่มีการช่วยเหลือกันภายในกระทรวงแน่นอน

พล.อ.อนุพงษ์ พอใจภาพรวมของการทำงานกว่า 6 เดือนของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย แม้วัฒนธรรมการทำงานจะแตกต่างจากครั้งที่ตัวเองดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารบก แต่การทำงานก็สามารถประสานได้ดี ไม่พบปัญหาและทำไปตามหน้าที่ ขณะนี้ยังไม่เหนื่อยกับการทำงาน พร้อมระบุว่าได้ปรึกษาข้อราชการกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยและปลัดกระทรวงฯ รวมทั้งมีการเรียกประเมินผลการทำงานจากผู้ว่าราชการจังหวัดทุกสัปดาห์ เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้และทำงานได้สอดคล้องกันกับรัฐบาล  

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยยอมรับว่า  แม้จะพอใจกับภาพรวมการทำงานของตัวเองและกระทรวง แต่ก็มีบางครั้งที่หงุดหงิด เช่น การพบเห็นเศษขยะตามท้องถนน ปัญหาจักรยานยนต์ซิ่ง รวมทั้งปัญหายาเสพติดที่แก้ไม่ขาด ซึ่งมองว่าเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ ส่วนจุดอ่อนในการทำงานของกระทรวง ยังเป็นเรื่องความโปร่งใสในการทำงาน โดยจะต้องเปิดเผยให้มากขี้นเพื่อให้ประชาชนเชื่อถือและตรวจสอบได้ ส่วนนโยบายจากนี้จะเร่งการทำงานในหลายด้าน ทั้งกรมผังเมืองและกรมที่ดินเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และอนาคตอาจนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้เพื่อตรวจสอบการบุกรุกที่ดินหรือการตรวจสอบโฉนดที่ดินต่างๆด้วย

 พล.อ. อนุพงษ์ ฝากบอกถึงสื่อว่า สื่อจะเป็นบทบาทสำคัญที่จะช่วยพัฒนาประเทศและเผยแผ่ข่าวสารของรัฐบาล ซึ่งส่วนตัวต้องการให้สื่อเสนอข่าวเชิงสร้างสรรค์ เพราะเป็นสิ่งสำคัญในการสื่อสารกับประชาชนด้วย