กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เผย ติมอร์-เลสเต เปิดรับสินค้าไทย แลกสนับสนุนเป็นสมาชิก WTO

06 พฤษภาคม 2566, 11:10น.


          นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงผลการเจรจาเปิดตลาดของติมอร์-เลสเต ระดับทวิภาคี ในการสมัครเข้าเป็นสมาชิกขององค์การการค้าโลก (WTO) ของติมอร์-เลสเตสำเร็จแล้ว เมื่อวันที่ 18 เมษายน ที่ผ่านมา ณ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยติมอร์-เลสเต ยอมที่จะเปิดตลาด ลด เลิกภาษีศุลกากรที่เก็บกับสินค้าส่งออกหลายรายการของไทยตามที่ไทยร้องขอแล้ว



          สำหรับผลการเจรจาสุดท้ายในภาพรวม ที่ติมอร์-เลสเตชจะเปิดตลาดให้สมาชิก WTO จะเป็นอย่างไร ต้องรอสรุปผลหลังจากที่สามารถปิดการหารือการเปิดตลาดกับสมาชิก WTO ที่แสดงความจำนงขอเจรจาเปิดตลาดในระดับทวิภาคี



         ล่าสุด ติมอร์-เลสเต สามารถสรุปผลหารือทวิภาคีกับฟิลิปปินส์ แคนาดา นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และสหภาพยุโรปได้แล้ว และอยู่ระหว่างหารือทวิภาคีกับอินโดนีเซียและสหรัฐอเมริกา



          ติมอร์-เลสเต ตั้งเป้าจะจบการเจรจาทวิภาคีกับสมาชิก WTO ให้เสร็จ เพื่อสามารถจบกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก WTO โดยสมบูรณ์ ภายในการประชุมรัฐมนตรี WTO (Ministerial Conference: MC) ครั้งที่ 13 ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 โดยจะครบ 10 ปี ที่ติมอร์-เลสเต แสดงความสนใจสมัครเข้าเป็นสมาชิก WTO เมื่อปี 2558



          ทั้งนี้ ไม่เพียงการเปิดตลาดสินค้าที่ติมอร์-เลสเต จะต้องผูกพันให้สมาชิก WTO แล้ว แต่ยังต้องผูกพันที่จะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์การค้าต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ในความตกลง WTO อาทิ การลดเลิกการอุดหนุนสินค้าเกษตร กฎระเบียบด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช กฎระเบียบทางเทคนิคที่เกี่ยวกับการค้า และมาตรการเยียวยาทางการค้า



          ติมอร์-เลสเต มีแผนจะเดินหน้าพัฒนาประเทศให้เป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางในระดับสูง (Upper Middle-Income) ภายในปี 2573 และให้ความสำคัญกับภาคการท่องเที่ยว และภาคการเกษตร โดยเฉพาะกาแฟ ประมง และอุตสาหกรรมแปรรูป ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นสาขาที่ไทยมีศักยภาพ จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะขยายการค้าการลงทุนไปยังติมอร์-เลสเตได้อีกด้วย



          ติมอร์-เลสเต เป็นคู่ค้าอันดับที่ 10 ของไทยในอาเซียน และไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 4 ของติมอร์–เลสเต ในอาเซียน โดยในปี 2565 การค้าระหว่างสองประเทศมีมูลค่า 14.87 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 32.11% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า



          สำหรับสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ข้าว ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และสินค้าเกษตรกรรม ส่วนสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันดิบ พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากโลหะกระดาษและเศษกระดาษ และเครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ



 



 

ข่าวทั้งหมด

X