เฟด ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ส่งสัญญาณหยุดขึ้นดอกเบี้ย ประเมินวิกฤตแบงก์-เพดานก่อหนี้

           ผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุม2-3 พ.ค.66 เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2550

          การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 10 ติดต่อกันตั้งแต่ที่เฟดเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อเดือนมี.ค.2565 ทำให้เฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5.00%

          CNBC รายงานว่า ในการแถลงข่าว นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด กล่าวว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายคิดว่ายังไม่เหมาะสมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากต้องใช้เวลาก่อนที่อัตราเงินเฟ้อจะลดลง

          Ed Moya นักวิเคราะห์ กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายในรอบนี้ เฟดกังวลว่าเงื่อนไขสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน แต่ขณะเดียวกันก็ช่วยรักษาแนวโน้มเงินเฟ้อ

          CNA รายงานว่า เฟด ปรับขึ้นดอกเบี้ยเล็กน้อย อาจจะนำไปสู่การหยุดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยชั่วคราว

          สอดคล้องกับ Reuters รายงานว่า เฟดส่งสัญญาณว่าอาจหยุดการขึ้นดอกเบี้ยชั่วคราว ทำให้เจ้าหน้าที่มีเวลาประเมินผลกระทบจากความล้มเหลวของธนาคาร รอการแก้ไขความขัดแย้งทางการเมืองเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ของสหรัฐฯ และการตรวจสอบอัตราเงินเฟ้อ

          รายงานระบุว่า เฟดส่งสัญญาณยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ด้วยการยกเลิกประโยคที่เคยระบุในแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ที่ว่า "คณะกรรมการเฟด คาดการณ์ว่าการคุมเข้มนโยบายเพิ่มเติมอาจมีความเหมาะสม" เพื่อให้เฟดบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2%

#เฟด

#ขึ้นดอกเบี้ย

แฟ้มภาพ

CR:CNA,CNBC,Reuters