'ไบเดน' นัดประชุมผู้นำสภาคองเกรส หลังรมว.คลัง เตือนเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้1มิ.ย.

02 พฤษภาคม 2566, 10:20น.


          หลังจากที่นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เตือนว่า สหรัฐฯอาจจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ภายในวันที่ 1 มิ.ย.66 ซึ่งเร็วกว่าที่รัฐบาลและนักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้



          นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โทรศัพท์หาผู้นำสภาคองเกรสและเชิญมาร่วมประชุมในวันที่ 9 พ.ค.66 ที่ทำเนียบขาว ในการประชุม นายไบเดน จะเน้นย้ำว่าสภาคองเกรสต้องดำเนินการเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระโดยไม่มีเงื่อนไข และหารือเกี่ยวกับความเร่งด่วนในการป้องกันการผิดนัดชำระหนี้



          ขณะที่ นางเยลเลน ได้ส่งจดหมายถึงนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (1 พ.ค.66) เตือนว่า ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับรายได้จากการจัดเก็บภาษีของรัฐบาล ทำให้กระทรวงการคลังสามารถประเมินได้ว่ากระทรวงอาจจะผิดนัดชำระหนี้ตามพันธกรณีทางกฎหมายภายในวันที่ 1 มิ.ย.66นี้ หากสภาคองเกรสไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้หรือระงับเพดานหนี้ก่อนเส้นตายในวันดังกล่าว จะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจะทำให้อัตราดอกเบี้ย ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงหลายปีข้างหน้า เห็นว่า สภาคองเกรส ควรเร่งดำเนินการโดยไม่มีเงื่อนไข และไม่ควรรอจนนาทีสุดท้าย



          โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะผิดนัดชำระหนี้ในช่วงปลายเดือนก.ค.66 และคาดว่ารายได้จากการจัดเก็บภาษีที่น้อยเกินคาดอาจจะทำให้สหรัฐฯผิดนัดชำระหนี้เร็วกว่านั้นอีก



          การยื่นจดหมายดังกล่าวของนางเยลเลนมีขึ้นไม่ถึงสัปดาห์ หลังจากเมื่อวันที่ 26 เม.ย.66 สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มีมติด้วยคะแนนเสียง 217 ต่อ 215 ผ่านร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯโดยปัจจุบันเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯอยู่ที่ระดับ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ คาดว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวอาจจะไม่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา และประธานาธิบดีไบเดน จะใช้สิทธิ์วีโต (veto) เพื่อคัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าวหากผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา เนื่องจาก ร่างกฎหมายฉบับนี้มีการพ่วงข้อเสนอให้รัฐบาลสหรัฐฯลดการใช้จ่ายในช่วง 10 ปีข้างหน้า



          เพดานหนี้ คือ จำนวนเงินทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐฯได้รับอนุญาตให้กู้ยืมเพื่อให้รัฐบาลสามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสวัสดิการด้านประกันสังคมและด้านสุขภาพ, ดอกเบี้ยตราสารหนี้ของรัฐบาล และการใช้จ่ายอื่น ๆ



          จุดยืนของพรรครีพับลิกัน คือ การเสนอให้รัฐบาลของนายไบเดน จากพรรคเดโมแครต ปรับลดค่าใช้จ่ายของภาครัฐ ทั้งขอให้ ยกเลิกนโยบายบางเรื่อง เช่น โครงการยกเลิกเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา และมาตรการเครดิตภาษีสำหรับโครงการพลังงานสะอาด แลกกับการที่พรรครีพับลิกัน ยอมโหวตให้รัฐบาลของนายไบเดน ปรับเพิ่มเพดานกู้ยืม แต่ทั้งนายไบเดนและสว.หลายคนจากพรรคเดโมแครต ไม่เห็นด้วย ระบุว่า นโยบายต่างๆข้างต้นเป็นประเด็นที่พรรครีพับลิกันไม่อาจจะนำมาเจรจาต่อรองกับพรรคเดโมแครต



          ขณะเดียวกัน มีกระแสกดดันจากภาคธุรกิจ เช่น หอการค้าสหรัฐฯ เสนอให้ประธานาธิบดีไบเดน เจรจากับพรรครีพับลิกันให้ได้ข้อสรุปในเรื่องนี้โดยเร็ว เนื่องจาก ปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งถ้าผิดนัดจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ จะสร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดหุ้นทั่วโลก อีกทั้งกระทบภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือต่อสหรัฐฯในฐานะหุ้นส่วนทางธุรกิจทั่วโลก



         ด้านผู้เชี่ยวชาญหลายคน เตือนว่า การผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐฯอาจจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะชะงักงัน กระทบธุรกิจ มีการเลิกจ้างแรงงาน จะทำให้สหรัฐฯมีอัตราว่างงานเพิ่มขึ้น 



 



#สหรัฐฯ



#เสี่ยงผิดนัดชำระหนี้



CR:Reuters,AP,CNBC  



 

ข่าวทั้งหมด

X