หลังหน่วยงานรับผิดชอบด้านการเงินสหรัฐฯ เข้ายึดกิจการ เฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์ (FRB) ที่กำลังประสบปัญหาและขายให้แก่ เจพีมอร์แกน เชส ในทันทีตามที่ตกลงกันเอาไว้ก่อนแล้ว
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันจันทร์(1พ.ค.66) ปิดลบเล็กน้อย
หลังจากที่ เจพีมอร์แกน เชส วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐฯเตรียมเข้าซื้อกิจการของธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก (First Republic) ภายใต้ข้อตกลงทางธุรกิจ ซึ่งหน่วยงานควบคุมกฏระเบียบด้านการเงิน รวมถึง FDIC ช่วยประสานเมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยืนยันกระแสข่าวที่ว่า ธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก ล้ม หลังประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงินจากการที่ลูกค้าแห่ถอนเงินสดมาหลายสัปดาห์ตั้งแต่เดือนมี.ค.66 และนักลงทุนซื้อขายอย่างระมัดระวัง ก่อนที่ธนาคารกลาสหรัฐฯ(เฟด)จะประชุมกันในวันที่2-3 พ.ค.66
-ดาวโจนส์ ลดลง 46.46 จุด (0.14%) ปิดที่ 34,051.70 จุด
-เอสแอนด์พี ลดลง 1.61 จุด (0.04%) ปิดที่ 4,167.87 จุด
-แนสแดค ลดลง 13.99 จุด (0.11%) ปิดที่ 12,212.60 จุด
เฟิร์สท์ รีพับลิก เป็นแบงก์ขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ล้มเป็นแบงก์ที่ 3 ต่อจาก ซิลิคอน แวลลีย์ แบงก์ (SVB) และ ซิกเนเจอร์ แบงก์ (SB) เนื่องจาก ผู้ฝากเงินไม่ไว้วางใจ ถอนเงินไปมากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ ทำให้ราคาหุ้นดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้หน่วยงานกำกับตรวจสอบภาคการธนาคารของแคลิฟอร์เนีย ประกาศแต่งตั้งให้ บรรษัทรับประกันเงินฝากสหรัฐฯ (FDIC) ที่เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการค้ำประกันเงินในธนาคารของพวกผู้ฝาก เป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก เพื่อดำเนินการขายให้ เจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นผู้ชนะในการเสนอราคาตามที่มีการพิจารณากันก่อนหน้านี้ ภายใต้ข้อตกลง เจพีมอร์แกน ธนาคารรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ จะรับภาระในการฟื้นฟูเงินฝากทั้งหมดของ เฟิร์สท์ รีพับลิก รวมทั้งสินทรัพย์ เกือบทั้งหมด
เอ็ดเวิร์ด โมยา นักวิเคราะห์ กล่าวว่า จากข้อตกลงดังกล่าว ทำให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทหายใจโล่งขึ้นเล็กน้อย พร้อมระบุว่า เริ่มดูเหมือนว่าประเด็นปัญหาธนาคารหลักๆบางแห่ง จะไม่มีปัญหานำไปสู่วิกฤตธนาคาร อย่างไรก็ตาม โมยา เตือนว่า การตัดสินใจของเฟด ในวันพุธ(3พ.ค.66) อาจสร้างความผิดหวังแก่นักลงทุน คาดหมายเกี่ยวกับการยุติการปรับขึ้นดอกเบี้ย หลังจากผ่านพ้นเดือนพ.ค.66
#หุ้นวอลล์สตรีท
#ธนาคารFRB
#เฟด
แฟ้มภาพ