บีบีซี รายงานอ้างแถลงการณ์จากสถาบันประกันเงินฝากของสหรัฐฯ(FDIC)ว่า เจพีมอร์แกน (JP Morgan) วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐฯเตรียมเข้าซื้อกิจการของธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก (First Republic) ภายใต้ข้อตกลงทางธุรกิจ ซึ่งหน่วยงานควบคุมกฏระเบียบด้านการเงิน รวมถึง FDIC ช่วยประสานเมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยืนยันกระแสข่าวที่ว่า ธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก ล้มในวันนี้ หลังประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงินจากการที่ลูกค้าแห่ถอนเงินสดมาหลายสัปดาห์ตั้งแต่เดือนมีนาคม
ภายใต้ข้อตกลงนี้ เจพีมอร์แกนจะรับโอน บัญชีเงินฝากธนาคาร และสินทรัพย์ทั้งหมดของธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก นับเป็นธนาคารแห่งที่ 3 ของสหรัฐฯที่ล้ม ต่อจากธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ (SVB)และซิกเนเจอร์แบงก์ (SB)ซึ่งล้มในเดือนมีนาคม
ก่อนหน้านี้ หุ้นของธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในนครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ร่วงกว่าร้อยละ 75 ในสัปดาห์ก่อน หลังยอมรับว่าลูกค้าแห่ถอนเงินฝากราว 100,000 ล้านดอลลาร์ในเดือนมีนาคม หรือ หลังการล้มของธนาคาร SVB และ SB การที่ลูกค้าแห่ถอนเงินฝากจากธนาคารต่างๆในสหรัฐฯ ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ(Federal Reserve) เข้ามาดูแล เช่น จัดทำมาตรการฉุกเฉิน เพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบธนาคารของสหรัฐฯให้มีความเข้มแข็งด้านการเงิน
ก่อนหน้านี้ กลุ่มธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐฯร่วมอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงินราว 30,000 ล้านดอลลาร์ให้กับธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก ในเดือนมีนาคม เพื่อช่วยประคับประคองให้ธนาคารสามารถดำเนินกิจการต่อไป แต่ความพยายามช่วยเหลือต่างๆเหล่านั้นล้มเหลว
สำหรับธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก ตั้งขึ้นมาในปี 2528 เป็นธนาคารขนาดกลาง คล้ายกับกรณีของ SVB เน้นให้บริการสำหรับลูกค้าที่มีฐานะร่ำรวย ซึ่งอาจจะเสี่ยงได้รับความเสียหาย เช่น ลูกค้าอาจจะไม่สามารถเบิกเงินฝากตามปกติ ถ้าการเจรจาการซื้อขายกิจการกับเจพี มอร์แกน เมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ล้มเหลว
#เจพีมอร์แกน
#วิกฤตธนาคาร