การประชุมทีมสืบสวนสอบสวนในคดี "แอม ไซยาไนด์" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เรียกประชุมทีมสืบสวนสอบสวนในคดี "แอม ไซยาไนด์" ในช่วงเวลา 10.00 น. แม้จะไปทำภารกิจที่ประเทศเยอรมัน แต่ก็ได้ร่วมประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนชุดทำคดีของแต่ละท้องที่ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7 และภาค 4 ทั้ง จ.กาญจนบุรี, ราชบุรี, เพชรบุรี, นครปฐม และอุดรธานี กองบังคับการปราบปราม ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน ได้นำผลการรวบรวมพยานหลักฐานมารายงานโดยจะนำผลของการทำไทม์ไลน์ พยานแวดล้อม และผลการสอบปากคำแพทย์ทั้งหมด ไม่ว่าเป็นเคสที่ผ่าศพหรือไม่ผ่าศพ และการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
รวมถึงผลทางนิติวิทยาศาสตร์ จากการตรวจวัตถุพยานที่ตรวจเก็บได้ ไม่ว่าจะเป็นจากในรถของผู้เสียชีวิต รถของผู้ต้องหา และในบ้านของผู้ต้องหา บ้านของพี่สาวผู้ต้องหา มาหารือเพื่อพิจารณาว่า คดีการวางยานี้ จะมีใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องและรู้เห็นกับแอมอีก และจะสามารถออกหมายจับใครเพิ่มได้อีกหรือไม่
ขณะที่ น.ส.โศรยา ฤทธิอร่าม ผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงกลาง เปิดเผยอาการของ "แอม ไซยาไนด์" หลังถูกควบคุมตัวในเรือนจำเป็นวันที่ 2 ว่า ในวันนี้แอมสามารถปรับตัวเข้ากับเรือนจำได้ดีขึ้นกว่าวันแรกที่เข้ามา และสามารถอยู่ร่วมกับผู้ต้องขังอื่นในห้องกักโรคได้
โดยทางทีมสหวิชาชีพและนักจิตวิทยาของเรือนจำ สังเกตพบว่าแอมมีการพูดคุยกับผู้ต้องขังรายอื่นๆ จึงทำให้ความเครียดลดน้อยลง แม้จะยังมีความวิตกกังวลอยู่เล็กน้อย แต่ไม่เหมือนวันแรกที่เครียดจนความดันขึ้นสูง จนต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ก่อนจะส่งตัวกลับมาอยู่ที่ห้องกักโรคตามเดิม ซึ่งต้องควบคุมเฝ้าระวังอาการให้ครบ 5 วัน เพื่อป้องกันโรคโควิดในเรือนจำ เมื่อครบกำหนดจะย้ายไปอยู่ที่ห้องบับเบิลโซนอีก 5 วัน ก่อนย้ายเข้าสู่แดนแรกรับตามปกติ
นอกจากนั้น ยังได้สูตินรีแพทย์เข้ามาดูแลและตรวจครรภ์ของแอม โดยตรวจสัญญาณชีพของเด็ก พบว่าอาการและสัญญาณชีพปกติ ไม่มีความน่ากังวลใดๆ ส่วนประเด็นเรื่องอาการทางจิตของแอมนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ ต้องรอให้แพทย์เป็นผู้สรุปข้อมูลอย่างละเอียด
ระหว่างที่แอมอยู่ในห้องกักโรค ไม่มีญาติติดต่อขอเข้าเยี่ยม มีเพียง น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ ทนายความ ที่ติดต่อเข้ามาเยี่ยมเพียงคนเดียวเท่านั้น
#วางสารพิษ
#ไซยาไนด์