ความคืบหน้า คดีนางสาวสรารัตน์ หรือ แอม ถูกจับกุมเป็นผู้ต้องหาในคดีฆ่านางสาวก้อย โดยมีหลักฐานว่าใช้สารพิษไซยาไนด์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ ตรวจพบว่า มีผู้เสียชีวิตในลักษณะคล้ายคลึงกับนางสาวก้อยอีกหลายราย และทุกรายล้วนแต่เกี่ยวข้องหรือรู้จักกับนางสาวแอม ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบพยานหลักฐานหาสาเหตุการเสียชีวิตของเหยื่อรายอื่นๆ
ล่าสุด (26 เม.ย.66) นายรพี ชำนาญเรือ ผู้ประสานงานเหยื่อในคดีนี้ เปิดเผยว่า หลังจากมีการเปิดข้อมูลวงแชร์ที่เกี่ยวข้องกับผู้กองนุ้ย หรือ ร้อยตำรวจเอกหญิงกานดา หนึ่งในผู้เสียชีวิต ก็พบว่า มีผู้เสียชีวิตอีกราย คือ “ครูอ๊อด” ที่อยู่ในวงแชร์เดียวกัน ทางญาติติดต่อแจ้งมาว่า ครูอ๊อดเสียชีวิตในลักษณะคล้ายกับผู้กองนุ้ยและนางสาวก้อย ซึ่งพ่อแม่ของครูอ๊อด ติดต่อจะเข้ามาให้ข้อมูลกับตำรวจแล้ว
อีกราย คือ “พี่น้อยผัก” เสียชีวิตภายในแผงผักตลาดมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร พบว่า อยู่ในวงแชร์เดียวกันกับผู้กองนุ้ยและครูอ๊อด ลักษณะการเสียชีวิตก็คล้ายกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการตามหาญาติเพื่อขอข้อมูล
ขณะเดียวกัน บ่ายวันนี้ ญาติของนางจันทร์รัตน์ หนึ่งในผู้เสียชีวิต ที่เสียชีวิตในบ้านพัก อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี จะเข้ามาให้ข้อมูลกับตำรวจ ส่วนผู้ที่รอดชีวิต 1 ราย ยังไม่มีรายงานว่าจะเข้ามาให้ข้อมูลในวันนี้หรือไม่ ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ผู้รอดชีวิต อยู่ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี และอยู่ในแวดวงตำรวจ ในวันเกิดเหตุ เหยื่อรายนี้ มีอาการไอ นางสาวแอม ผู้ต้องหา จึงให้กินยาบางอย่าง ก่อนที่เหยื่อจะมีอาการอาเจียน แต่ไปหาหมอได้ทันเวลา ซึ่งตำรวจถือเป็นพยานสำคัญในคดีนี้ ที่จะต้องเรียกมาสอบปากคำด้วย
นายรพี เปิดเผยว่า ล่าสุดได้รับการประสานจากญาติของผู้เสียชีวิตเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ที่แฟลตตำรวจแถวสามพราน ญาติสงสัยสาเหตุการเสียชีวิต เพราะพบว่า คล้ายกับเหยื่อรายอื่น แต่ผู้เสียชีวิตรายนี้มีโรคมะเร็งเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งจะต้องตรวจสอบต่อไป
ส่วนนางสาวแอม หลังจากเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ตำรวจกองปราบปรามต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน เพราะพบว่า นางสาวแอมมีอาการเครียดจัด และความดันสูงถึง 210 ตำรวจเกรงว่าจะเป็นอันตราย เพราะกำลังตั้งครรภ์ แต่หลังส่งโรงพยาบาลแล้ว พบว่า อาการดีขึ้น ช่วงเช้าจึงคุมตัวกลับมาที่กองปราบ และให้ทานโจ๊ก จนเวลา 11.00 น. ตำรวจนำตัวนางสาวแอม ไปฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญา โดยคัดค้านการประกันตัว
ขณะที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบหาพยานหลักฐานภายในรถยนต์ ที่แอมขับเข้าไปจอดที่ศูนย์ราชการเมื่อวานนี้ ก่อนจะถูกจับกุม
นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่า เมื่อคืนนี้ พนักงานสอบสวนเชิญตัวอดีตสามีของผู้ต้องหา ที่เป็นรองผู้กำกับการ มาสอบปากคำด้วยเบื้องต้นให้การว่า เพิ่งจะแยกทางกันเมื่อปี 2565 แต่ก็ยังไปมาหาสู่กันบ้าง ตัวผู้ต้องหาไม่ได้ทำงานอะไร แต่มีเงินใช้ตลอด ซึ่งอดีตสามีก็ไม่รู้ว่านำเงินมาจากไหน แต่ก่อนจะเลิกกัน ผู้ต้องหาให้อดีตสามีไปขอกู้เงินสวัสดิการมาให้ 2 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 2 ล้านบาท หลังจากนั้นก็เลิกรากันไป ปล่อยภาระให้อดีตสามีเป็นผู้รับผิดชอบ
ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตที่เชื่อมโยงกับคดีนี้ มีทั้งหมด 9 ศพ ในพื้นที่ 5 จังหวัด วันนี้จะมีญาติของผู้เสียชีวิต เข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนที่สโมสรตำรวจเพิ่มเติม เชื่อว่าจะได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ส่วนผู้ที่รอดชีวิต เชื่อว่าน่าจะได้รับปริมาณยาน้อย หรือผู้ก่อเหตุยังคำนวณปริมาณยาได้ไม่ชำนาญ อีกทั้งผู้รอดชีวิตไปพบแพทย์ได้ทันเวลา
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังตรวจสอบพบว่า นางสาวแอมหย่าร้างกับรองผู้กำกับการไปก่อนหน้านี้ โดยมีลูกด้วยกัน 2 คน จากนั้นมีสามีใหม่ คือนายสุทธิศักดิ์ หรือแด้ ซึ่งนายแด้ก็ไปเสียชีวิตที่จังหวัดอุดรธานี เชื่อว่าลูกในท้องของนางสาวแอมขณะนี้ น่าจะเป็นลูกที่เกิดกับนายแด้ ซึ่งการเสียชีวิตของนายแด้ ตอนแรกญาติเข้าใจว่าเสียชีวิตจากโรคประจำตัว จึงไม่มีการชันสูตร
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตทั้งหมด มีบางรายไม่ได้ผ่าชันสูตร ทำให้เป็นอุปสรรคในการสืบสวนสอบสวนคดี แต่มี 3 ราย ที่ผ่าชันสูตรศพ ซึ่งสั่งให้พนักงานสอบสวนไปสอบปากคำแพทย์ และผู้เกี่ยวข้อง เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ซึ่งผู้เสียชีวิตทั้งหมด เป็นคนรู้จักกับ น.ส.แอมในลักษณะเป็นเจ้าหนี้ และเป็นญาติพี่น้องหรือครอบครัวของตำรวจ จึงยังไม่ชี้ชัดว่า เป็นการฆ่าล้างหนี้หรือฆาตกรรมต่อเนื่อง
มีรายงานจากการสืบสวนด้วยว่า ผู้ต้องหามักจะอาศัยความเป็นภรรยาของนายตำรวจ แฝงตัวเข้าไปอยู่ในวงการต่างๆ ชอบชักชวนผู้อื่นให้มาร่วมทำบุญ หรือร่วมเล่นแชร์ จนรู้ว่าเหยื่อรายไหนมีสถานะทางการเงินที่ค่อนข้างดี ก็หลอกล่อพาตัวมาก่อเหตุ ทุกคดีที่เกิดขึ้นจะพบด้วยว่าโทรศัพท์มือถือของเหยื่อจะหายไปทุกครั้ง จนผิดสังเกต เชื่อว่าน่าจะไปทำลายหลักฐานการติดต่อระหว่างตัวผู้ต้องหากับเหยื่ออีกด้วย
#แอม
#ไซยาไนด์