ห่วงวิกฤตแบงก์ หุ้น FRB ร่วงหนัก หลังผู้ฝากเงินแห่ถอนเงิน ฉุดดาวโจนส์ ปิดลบกว่า 300 จุด

26 เมษายน 2566, 06:57น.


          ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดวันอังคาร(25เม.ย.66) ในแดนลบ กังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยและปัญหาวิกฤตในระบบสถาบันการเงิน จาก 2 ประเด็นหลักที่มีความเชื่อมโยงกัน



-ลูกค้าธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์(FRB) ธนาคารในระดับภูมิภาคของสหรัฐฯ แห่ถอนเงินฝาก ทำให้หุ้นร่วง



-ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน ในเดือนเม.ย.66



*ดาวโจนส์ ลดลง 344.57 จุด (1.02%) ปิดที่ 33,530.83 จุด



*เอสแอนด์พี ลดลง 65.41 จุด (1.58%) ปิดที่ 4,071.63 จุด



*แนสแดค ลดลง 238.05 จุด (1.98%) ปิดที่ 11,799.16 จุด





-จากประเด็นของ FRB บีบีซี รายงานอ้างนายนีล ฮอลแลนด์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่การเงินของ FRB ของสหรัฐฯว่า ในช่วง 3เดือนแรกของปี ลูกค้าแห่ถอนเงินฝากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือ 3,439 ล้านบาท) ทำให้ยอดเงินฝากลดลงร้อยละ 40 นับตั้งแต่ปลายเดือนธ.ค.65 ทำให้หลายฝ่ายเริ่มกังวลว่า FRB เสี่ยงที่จะล้มตามธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ และซิกเนเจอร์ แบงก์  ทำให้ FRB อยู่ระหว่างปรับโครงสร้างงบแสดงฐานะการเงินหรืองบดุล ปรับลดค่าใช้จ่ายและการกู้ยืมระยะสั้น มีแผนจะปรับลดค่าใช้จ่าย รวมทั้งลดพนักงานลงร้อยละ 20-25 ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ก่อนหน้านี้ ธนาคารรายใหญ่กลุ่มหนึ่งของสหรัฐฯ นำโดย เจพี มอร์แกน และซิตี้กรุ๊ป ได้ร่วมเพิ่มทุนใหม่รวม 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯให้กับ FRB คาดว่า มาตรการนี้จะช่วยทำให้ประชาชนรู้สึกมั่นใจในธุรกิจธนาคารสหรัฐฯยังแข็งแกร่งในด้านเงินทุนสำหรับประกอบธุรกิจ



          CNBC รายงานว่า หุ้นของ FRB ร่วงลงมากกว่า 49% แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ นักลงทุนตั้งคำถามว่า FRB  จะรักษาเสถียรภาพได้อย่างไร เมื่อ เวลา 21.19 น.ตามเวลาไทย ราคาหุ้น FRB ดิ่งลง 26.84% สู่ระดับ 11.71 ดอลลาร์สหรัฐฯ



          ด้าน นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย โพสต์ข้อความใน Facebook กอบศักดิ์ ภูตระกูล ติดตามแนวทางการแก้ปัญหาของ FRB เนื่องจากมองว่า การที่ลูกค้าถอนเงินฝากในช่วงไตรมาสที่ 1 จำนวน 1.02 แสนล้านดอลลาร์ เกินครึ่งของเงินฝากเดิมที่มีอยู่ 1.76 แสนล้านดอลลาร์ ณ สิ้นปี สะท้อนถึงความกังวลใจของผู้ฝากเงิน ที่ไม่แน่ใจว่า FRB จะผ่านช่วงวิกฤตไปได้หรือไม่ จึงถอนเงินออกไปก่อน แม้ว่าจะมีการอัดฉีดเม็ดเงินจากแบงก์ใหญ่ของสหรัฐฯ ก็ยังไม่สามารถที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาได้



          สุดท้าย FRB ต้องแก้ปัญหา โดยไปกู้ยืมเงินจากเฟด 9.2 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อมาคืนให้กับลูกค้าเงินฝากเหล่านั้น และถูก Moody's ลดอันดับความเชื่อถือมาที่ B2 หรือ กลางๆ ของ Non-investment Grade



-ส่วนอีกประเด็น คือ ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯปรับตัวลงสู่ระดับ 101.3 ในเดือนเม.ย.66 จากระดับ 104.0 ในเดือนมี.ค.66 ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอย หนึ่งวันหลังจากการรายงานผลประกอบการของ FRB



          นอกจากนี้แล้วนักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางทั้งหลายจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติมเพื่อสู้กับเงินเฟ้อ อาจทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐฯ สหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป คาดหมายว่าทั้งธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ธนาคารกลางอังกฤษ และ ธนาคารกลางยุโรป ต่างก็จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมที่กำลังมาถึง เฟดมีกำหนดประชุมกันในวันที่ 2-3 พ.ค.66



 



 



#หุ้นสหรัฐฯ



#FRB



CR:CNBC,กอบศักดิ์ ภูตระกูล

ข่าวทั้งหมด

X