ตัวแทนพรรคการเมือง เสนอนโยบายด้านสาธารณสุข ในเวทีของมูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ

25 เมษายน 2566, 14:28น.


          ใกล้การเลือกตั้งทั่วไปเข้ามาทุกทีแล้ว หลายพรรคการเมืองเดินหน้าประชาสัมพันธ์นโยบายกับประชาชนอย่างเต็มที่ ซึ่งนโยบายด้านสุขภาพและสาธารณสุข ก็เป็นอีกหนึ่งนโยบายที่ประชาชนให้ความสนใจมาก ว่าแต่ละพรรคจะมีนโยบายในด้านนี้อย่างไร  มูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ หรือ มสส. จัดงานเสวนา ให้ตัวแทนพรรคการเมืองได้มาแสดงวิสัยทัศน์และตอบข้อซักถามจากสื่อมวลชนในเรื่องนโยบายสร้างเสริมสุขภาพคนไทย



          นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี  จากพรรคเพื่อไทย ระบุว่า นโยบายพรรคเพื่อไทย เน้นปฏิรูประบบบริการสาธารณสุขของไทยทั้งระบบ  จากเดิมที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) เป็นผู้รับงบประมาณจากรัฐบาล ก่อนจะส่งงบประมาณนั้นไปให้โรงพยาบาลเพื่อดูแลผู้ป่วยที่ขึ้นทะเบียนไว้ จะเปลี่ยนเป็น สปสช.เป็นหน่วยงานที่รับประกันสุขภาพให้กับประชาชนทั้งประเทศทั้งระบบ ซึ่งจะทำให้ประชาชนสามารถเลือกรับบริการที่โรงพยาบาลไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น รพ.ใกล้บ้าน หรือ รพ.ที่ถูกใจ โดยใช้เทคโนโลยีในการเชื่อมต่อข้อมูลผู้ป่วย ลดความแออัด เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ และเพิ่มความสะดวกให้ประชาชน  ภายใต้แนวคิด รักษาแบบใกล้บ้านใกล้ใจ นอกจากนี้ ยังมีนโยบายให้ประชาชน เข้าถึงการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกและยารักษามะเร็งต่างๆได้อย่างทั่วถึงด้วย



          ด้าน พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา จากพรรครวมไทยสร้างชาติ  ระบุว่า นโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติ คือสานต่อยุทธศาสตร์ชาติด้านสาธารณสุข ไม่ให้สะดุด โดยมี 4 มิติ คือ นโยบายสาธารณะ เช่น จัดระเบียบทางเท้า การจราจร ที่อยู่อาศัย ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ให้มีความปลอดภัยมากขึ้น,การสนับสนุนให้ประชาชนตระหนักและมีทักษะในการสร้างสุขภาวะที่ดีส่วนบุคคล  ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างชุมชนเข้มแข็ง, การพัฒนาระบบสาธารณสุข ให้ทำงานเชิงรุกมากขึ้น เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยลง  สร้างศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้พิการประจำชุมชน ที่สำคัญ คือ จะทำโรงพยาบาลเอกชนให้เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม รับผู้ป่วยทุกสิทธิ ทั้งบัตรทอง ประกันสังคม หรือข้าราชการ โดยโรงพยาบาลเหล่านี้จะได้รับการสนับสนุนในด้านการลดหย่อนภาษี เป็นต้น



          ขณะที่ นายนิกร จำนง จากพรรคชาติไทยพัฒนา ระบุว่า นโยบายของพรรคชาติไทยพัฒนา มุ่งเน้นปรับปรุงระบบสาธารณสุข ด้วยการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ เครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัย ยกระดับสถานีอนามัยให้เป็นโรงพยาบาลตำบลและส่งเสริมงบประมาณ  สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาแพทย์แผนไทย โดยมีอาสาสมัครสาธารณสุขชุมชนมามีส่วนร่วม ที่สำคัญคือ มีนโยบายจัดการความปลอดภัยบนท้องถนน การจัดการระบบกู้ภัยและเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งการเยียวยาผู้ประสบภัย เนื่องจาก แต่ละปี มีจำนวนผู้ป่วยจากอุบัติเหตุบนท้องถนนจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมีนโยบายสุขภาพดีมีเงินคืน,นโยบายประกันสุขภาพอัปเกรดได้ และคลินิก 4 มุมเมือง เพื่อลดปัญหาความขาดแคลนของสถานพยาบาลและส่งต่อผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ



          นพ.เธียรชัย สุวรรณเพ็ญ จากพรรคประชาธิปัตย์  ระบุว่า นโยบายด้านสาธารณสุขของพรรคประชาธิปัตย์ คือ ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการรักษาพยาบาล เช่น การตรวจโรคในแม่ตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันความพิการและความเจ็บป่วยของทารกตั้งแต่แรกเกิด,การให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อม ทั้งการกำจัดขยะ น้ำเสีย การใช้สารเคมี  หรือ คุณภาพอากาศ ซึ่งจะนำไปสู่สุขภาพที่ดี ส่วนปัญหาโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในระบบสาธารณสุข โดยเน้นการป้องกันฉีดวัคซีนหรือตรวจสุขภาพให้กลุ่มเสี่ยงที่ครอบครัวมีประวัติเป็นมะเร็ง เป็นต้น ที่สำคัญ คือ พรรคสนับสนุนกฎหมายทุกฉบับไม่ว่าจะออกโดยพรรคใดก็ตาม ในการควบคุมความหวาน เช่น การใช้มาตรการด้านภาษี  เพราะเป็นบ่อเกิดของโรคเรื้อรังไม่ติดต่อที่ร้ายแรง และสุดท้ายคือ นโยบายป้องกันอุบัติเหตุ ซึ่งจะเชื่อมโยงไปถึงปัญหาการดื่มสุรา ยาเสพติด  ความปลอดภัยในการก่อสร้าง หรือทางวิศวกรรม ซึ่งต้องแก้ไขและวางมาตรการป้องกันทั้งระบบ



          ส่วน นพ.พิชาญศักดิ์ บุญมาศ  จากพรรคพลังประชารัฐ  ระบุว่า นโยบายหลักของพรรคพลังประชารัฐ คือคนไทยแข็งแรง ประเทศไทยแข็งแกร่ง สู่มหาอำนาจด้านสุขภาพ โดยการถอดบทเรียนจากการระบาดของโควิด-19 และการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ  โดยการแพทย์ต้องทั่วถึงและเท่าเทียม ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เชื่อมโยงข้อมูล ลดการเดินทาง, ยกระดับโรงพยาบาลประจำตำบล ให้ผู้ป่วยในต่างจังหวัดได้รับการดูแลที่ทัดเทียมกับโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ด้วยเทคโนโลยีเทเลเมดิซีน หรือการแพทย์ทางไกล ให้แพทย์ใหญ่สามารถให้คำปรึกษากับแพทย์พื้นที่ได้แบบเรียลไทม์,สร้างกำลังใจให้ อสม. สนับสนุนการแพทย์แผนไทย ,นโยบายแก้ปัญหาด้านมลพิษต่างๆ โดยใช้กลไกกฎหมายและประสานกับประเทศเพื่อนบ้านและเป้าหมายการเป็นเมดิคัลฮับ หรือศูนย์กลางด้านการรักษาพยาบาล 



          ขณะที่  นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง  จากพรรคก้าวไกล  ระบุว่า  พรรคก้าวไกลมีนโยบายสนับสนุนด้านงบประมาณให้กับโรงพยาบาลของรัฐ  รวมทั้งแก้ปัญหาที่แพทย์ 1 คน ต้องดูแลผู้ป่วยจำนวนมากเกินไป  โดยจะใช้วิธิผลิตบุคลากรทางการแพทย์ให้มากขึ้น และสร้างแรงจูงใจให้แพทย์ของโรงพยาบาลรัฐไม่ไหลไปสู่โรงพยาบาลเอกชน การดูแลสวัสดิภาพของบุคลากรทางการแพทย์ทั้งระบบ ทั้งเรื่องค่าตอบแทน ความพึงพอใจในงาน มีคุณภาพชีวิตที่ดี ลดชั่วโมงการทำงาน เพื่อประโยชน์ในการดูแลผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพและความแม่นยำในการรักษา ใช้แอปพลิเคชันช่วยในการจัดระบบคิว จัดตั้งศูนย์ส่งต่อผู้ป่วยกลาง และส่งเสริมให้คนไทยตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี โดยสร้างสิ่งจูงใจต่างๆ เพื่อลดงบประมาณที่จะใช้ในการรักษาเมื่อเจ็บป่วย



#นโยบายด้านสาธารณสุข



#เลือกตั้ง66

ข่าวทั้งหมด

X