ลูกค้า FRB สหรัฐฯแห่ถอนเงินฝากกว่า 100,000 ล้านดอลล์ในปีนี้ เตรียมลดค่าใช้จ่าย-ลดพนง.ร้อยละ 20-25

           บีบีซี รายงานอ้างนายนีล ฮอลแลนด์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่การเงินของธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์(FRB)ของสหรัฐฯว่า ลูกค้าแห่ถอนเงินฝากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือ 3,439 ล้านบาท)ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ โดย FRB ระบุว่า ยอดเงินฝากลดลงร้อยละ 40 นับตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ทำให้หลายฝ่ายเริ่มกังวลเรื่องความมั่นคงทางการเงินของระบบธนาคารทั่วโลก

          นายฮอลแลนด์ กล่าวว่า การล้มของธนาคาร 2 แห่งในสหรัฐฯคือ ธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ และซิกเนเจอร์ แบงก์ เมื่อเดือนมีนาคม ทำให้ต้องปิดสาขาธนาคารหลายแห่ง นับเป็นวิกฤตของระบบธนาคารครั้งใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯนับตั้งแต่ปี 2551 ที่ลูกค้าแห่ถอนเงินสดจากธนาคารส่วนใหญ่ ส่งผลกระทบต่อเงินฝากที่ไหลออกจากธนาคาร FRB อย่างต่อเนื่อง นับเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

          ขณะเดียวกัน FRB อยู่ระหว่างปรับโครงสร้างงบแสดงฐานะการเงินหรืองบดุล ปรับลดค่าใช้จ่ายและการกู้ยืมระยะสั้น นอกจากนี้ FRB มีแผนจะปรับลดค่าใช้จ่าย รวมทั้งการลดพนักงานลงร้อยละ 20-25 ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า

           ก่อนหน้านี้ ธนาคารรายใหญ่กลุ่มหนึ่งของสหรัฐฯ นำโดย เจพี มอร์แกน และซิตี้กรุ๊ป ได้ร่วมเพิ่มทุนใหม่รวม 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯให้กับ FRB หลังหลายฝ่ายแสดงความกังวลว่า เสี่ยงเป็นธนาคารแห่งที่ 3 ของสหรัฐฯที่จะล้มตามอีก 2 ธนาคารคือ ธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ และซิกเนเจอร์ แบงก์ โดยกลุ่มทุนจากธนาคารรายใหญ่ คาดว่า มาตรการนี้จะช่วยทำให้สาธารณชนรู้สึกมั่นใจในธุรกิจธนาคารสหรัฐฯยังแข็งแกร่งในด้านเงินทุนสำหรับประกอบธุรกิจ

#วิกฤตเงินสหรัฐ