สำนักงานอัยการสูงสุด ประกาศว่า พนักงานอัยการโจทก์เข้ารับทราบคำสั่งศาลโดยองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามที่มีคำสั่งประทับฟ้องคดีอาญาโครงการรับจำนำข้าว กรณีการระบายข้าวแบบ G to G (รัฐต่อรัฐ) เป็นคดีอาญา หมายเลขดำ อม.ที่ 25/2558 และนัดพิจารณาคดีครั้งแรกในวันที่ 29 มิถุนายนนี้ โดยในขั้นตอนต่อไปพนักงานอัยการจะนำเจ้าพนักงานศาลไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพภายในเวลา 7 วัน นับจากวันรับทราบคำสั่งศาล ส่วนจำเลยที่มีภูมิลำเนาในต่างจังหวัดจะส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องต่อไป
โดยในคดีนี้ นายธนฤกษ์ นิติเศรณี ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา เปิดเผยว่าในการพิจารณาคดีทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ที่นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ จำเลยที่ 1 และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 2 กับพวกอีก 19 ราย ร่วมกันเป็นจำเลยรวม 21 ราย ฐานทุจริตโครงการระบายข้าวจีทูจี โดยองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทั้ง 9 คน พิจารณาแล้วมีมติเป็นเอกฉันท์เมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา เนื่องจากคดีครบองค์ประกอบความผิด และอยู่ในเขตอำนาจพิจารณาของศาลฎีกาฯ จึงให้ประทับฟ้องคดีนี้ไว้พิจารณา
คดีนี้ อัยการและป.ป.ช. ร่วมกันยื่นฟ้อง นายบุญทรงและพวก รวม 21 ราย ซึ่งเป็นอดีตนักการเมือง 3 คน ข้าราชการการเมือง 3 คน และที่เหลือเป็นนิติบุคคล กับกรรมการผู้มีอำนาจในนิติบุคคล เป็นจำเลยฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ หรือ ฮั้วประมูล พ.ศ. 2542 มาตรา 4, 9, 10, 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจโดยทุจริตสร้างความเสียหายแก่รัฐ และมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต สร้างความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4, 123 และ 123/1 ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุดถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งในการยื่นฟ้อง อัยการสูงสุด ยังขอให้สั่งปรับจำเลยทั้งหมด เป็นเงิน 35,274,611,007 บาท โดยคำนวณจากมูลค่าครึ่งหนึ่งตามสัญญาระบายข้าว 5 หมื่นตัน ที่พบว่ามีการกระทำผิดสัญญา 4 ใน 8 ฉบับด้วย
..