เพจ ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ. รามาธิบดี ได้วิเคราะห์ข้อมูลรหัสพันธุกรรมจากฐานข้อมูลโควิดโลก “จีเสส (GISAID)” ระบุว่า ดร. อริจิตต์ จักรวารตี (Arijit Chakravarty) จากสถาบัน Fractal Therapeutics ในเมืองเล็กซิงตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา ร่วมมือกับนักวิจัยจากสถาบันต่างๆ ศึกษาข้อจำกัดของการพึ่งพาวัคซีนเพียงอย่างเดียวในการควบคุมแลtหยุดยั้งการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 พวกเขาสรุปว่าอัตราการแพร่เชื้อโควิด-19 ที่สูงมากขณะนี้สามารถนำไปสู่การกลายพันธุ์เกิดเป็นสายพันธุ์ใหม่ได้ แม้ว่าจะมีการฉีดวัคซีนกันอย่างแพร่หลายในกลุ่มประชากรทั่วโลกยังไม่พอเพียง จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องนำมาตรการอื่นมาผนวกรวมด้วย เช่น กินร้อน ช้อนกลาง ใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม การใช้ยาต้านไวรัส และแอนติบอดีสังเคราะห์ ฯลฯ เพื่อลดระดับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ลงอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับ ประเทศที่ใช้หลายมาตรการเข้ามาช่วยควบคุมการระบาดของโควิด-19 เช่น ญี่ปุ่น และไทย จะมีอัตราผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ค่อนข้างต่ำ คือ ร้อยละ0.2 และร้อยละ0.7 ในขณะที่ประเทศที่ใช้มาตรการอย่างไม่เคร่งครัด เช่น สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ จะมีอัตราผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ค่อนข้างสูง คือ ร้อยละ 1 และ ร้อยละ 0.9 ตามลำดับ
โดยข้อมูลการวิเคราะห์รหัสพันธุกรรม จากฐานข้อมูลจากจีเสส เมื่อวันที่ 24 เม,ษ. 2566 พบว่า
-XBB.1.16 (การกลายพันธุ์ตำแหน่งที่จำเพาะ S:E180V, S:478R) โดยทั่วโลกพบ 3,439 คน ประเทศไทยพบ 24 คน
รุ่นลูก
-XBB.1.16.1 (S:T547I) ทั่วโลกพบ 909 คน ประเทศไทยพบ 1 คน
รุ่นหลาน
-XBB.1.16.1.1 (T3802C): นามแฝง FU.1 ทั่วโลกพบ 122 คน ประเทศไทยยังไม่พบ
-XBB.1.16.1.2 (C8692T): นามแฝง FU.2 ทั่วโลกพบ 68 คน ประเทศไทยยังไม่พบ
-XBB.1.16.2 (ORF3a:V13L, ORF1a:P926H) ทั่วโลกพบ 232 คน ประเทศไทยพบ 6 คน
-XBB.1.16.3 (A2893C) ทั่วโลกพบ 72 คน ประเทศไทยพบ 1 คน
สำหรับในกลุ่มประเทศ อาเซียนคาดว่า สิงคโปร์จะมีการระบาดของโอไมครอนลูกผสมสายพันธุ์ย่อย XBB.1.16* มากที่สุด ส่วนโอไมครอน XBB.1.16 รุ่นลูก หรือรุ่นหลานจะกลายพันธุ์ก่อให้เกิดอาการติดเชื้อรุนแรงหรือไม่ คงต้องเฝ้าติดตาม
#โควิด19
#กลายพันธุ์