บริษัทวิจัยของสหรัฐฯ ฟิตช์ โซลูชันส์ เสนอรายงานที่คาดการณ์ว่า สถานการณ์ตลาดข้าวโลกในปีนี้ (2566) มีแนวโน้มที่จะมีปัญหาขาดแคลนรุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปี เนื่องจากผลการผลิตที่ลดลง ซึ่งจะทำให้ข้าวมีราคาแพงต่อไปจนถึงปี 2567 ส่งผลกระทบต่อประเทศผู้นำเข้ารายใหญ่ที่ได้แก่ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และกลุ่มประเทศในแอฟริกา และเนื่องจากข้าวเป็นสินค้าอาหารหลักในตลาดเอเชีย ราคาข้าวจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่ออัตราเงินเฟ้อ และความมั่นคงทางอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับครัวเรือนที่ยากจนที่สุด
ราคาข้าวเฉลี่ยของโลกในขณะนี้อยู่ที่ 17.30 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 594.46 บาท) ต่อ 1 cwt ( 1 cwt เท่ากับ 100 ปอนด์ หรือ 0.0453 ตัน) และปริมาณข้าวส่วนที่ขาดแคลนระหว่างปี 2565-2566 จะอยู่ที่ประมาณ 8,700,000 ตัน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่มีปัญหาขาดแคลนข้าว 18,600,000 ตันระหว่างปี 2546-2547
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนข้าวในครั้งนี้ ประกอบไปด้วยการสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งยืดเยื้อมานานกว่า 1 ปี และความแปรปรวนของสภาพอากาศโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูกข้าว โดยเฉพาะพื้นที่ปลูกข้าวของจีนซึ่งเผชิญกับน้ำท่วมครั้งใหญ่ เมื่อช่วงครึ่งหลังของปีที่แล้ว ส่วนปากีสถานซึ่งครองส่วนแบ่งในตลาดข้าวโลกร้อยละ 7.6 ยังมีผลผลิตลดลงร้อยละ 31 ในปีที่แล้ว (2565) เมื่อเทียบกับปี 2564
นอกจากนี้ ข้าวยังเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งมีแนวโน้มก่อตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ นางเคลลี โกกรารี นักวิเคราะห์อาวุโสของโกร อินเทลลิเจนส์ กล่าวว่า ประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือประเทศที่มีปัญหาเงินเฟ้อ มีราคาอาหารที่อยู่ในระดับสูงอยู่แล้ว เช่น ปากีสถาน ตุรกี ซีเรีย และบางประเทศในแอฟริกา
...
#ตลาดข้าวโลก
#ฟิตช์โซลูชันส์
#เอลนีโญ