องค์การกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูนิเซฟ รายงานว่า ผลจากการระบาดของโควิด-19 ในช่วงปี 2562 ถึง 2564 ทำให้เด็กประมาณ 67 ล้านคนไม่ได้รับวัคซีนตามกำหนด และทำให้มีความเสี่ยงที่โรคหัดและโปลิโอจะกลับมาระบาดรุนแรง
ในรายงานประจำปี (State of the World’s Children) ระบุว่า การสะสมภูมิคุ้มกันในวัยเด็กที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปีถูกทำลายลง และการกลับไปสร้างภูมิคุ้มกันอีกครั้งเป็นเรื่องท้าทาย โดยพบว่า 112 ประเทศมีความครอบคลุมของวัคซีนในเด็กลดลง โดยแอฟริกาและเอเชียใต้มีอัตราการฉีดวัคซีนลดลงเป็นอย่างมาก
นายไบรอัน คีลีย์ หัวหน้ากองบรรณาธิการ ผู้รวบรวมรายงานระบุว่า วัคซีนมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เด็กๆ มีสุขภาพแข็งแรงและมีชีวิตที่ยืนยาว การที่มีอัตราการฉีดวัคซีนลดลงจึงเป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะยังมีความเชื่อมโยงกับวิกฤตอื่น ๆ ทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไปจนถึงความไม่มั่นคงทางอาหาร เขาอธิบายว่า มีความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้น เศรษฐกิจซบเซาในหลายประเทศ ภาวะฉุกเฉินทางสภาพอากาศ และอื่นๆ ทั้งหมดนี้ทำให้ระบบสาธารณสุขและประเทศต่าง ๆ ตอบสนองความต้องการวัคซีนได้ยากขึ้น
ยูนิเซฟเรียกร้องให้รัฐบาล เพิ่มความมุ่งมั่นเป็น 2 เท่าในการเพิ่มเงินทุนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรค โดยให้ความสนใจเป็นพิเศษในการเร่งการฉีดวัคซีนให้กับเด็กๆ ที่ไม่ได้มารับวัคซีนตามกำหนดนัด
นอกจากนี้ในรายงานยังมีความกังวลเกี่ยวกับ ความเชื่อมั่นในวัคซีนสำหรับเด็กกำลังลดลง โดยระบุว่า เป็น “สัญญาณเตือนที่น่ากังวล” เพราะสืบเนื่องมาจากข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ความไว้วางใจในรัฐบาลที่ลดน้อยลง และการแบ่งขั้วทางการเมือง นางแคทเธอรีน รัสเซลล์ ผู้อำนวยการบริหารของยูนิเซฟ กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวว่า ความไม่มั่นใจในวัคซีนสำหรับเด็กอาจนำไปสู่การระบาดใหญ่ได้ การเสียชีวิตในระลอกต่อไปอาจเป็นเด็กที่เป็นโรคหัด คอตีบ หรือโรคอื่นๆ ที่ป้องกันได้
....
#วัคซีนเด็ก
#โรคหัด
#โปลิโอ
#ยูนิเซฟ
ภาพ UNICEF