ศูนย์ยุทธศาสตร์และการศึกษาระหว่างประเทศ (Center for Strategic and International Studies : CSIS) เผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียม โครงการก่อสร้างสถานีดาวเทียมแห่งที่ 5 ของจีน บนเกาะในทะเลรอสส์ ทวีปแอนตาร์กติกา ขั้วโลกใต้ ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ในการเข้าถึงพื้นที่ต่าง ๆ และการเฝ้าระวัง
โครงการก่อสร้างสถานีดาวเทียมแห่งนี้ ถูกระงับการก่อสร้างในปี 2561 แต่จากภาพถ่ายดาวเทียมที่รวบรวมโดยคลังความคิดซึ่งมีฐานอยู่ในวอชิงตัน แสดงให้เห็นว่าการก่อสร้างได้กลับมาดำเนินการอีกครั้ง
จีนมีเป้าหมายพัฒนาเส้นทางเดินเรือใหม่ในแถบอาร์กติก ที่อยู่ในขั้วโลกเหนือ และขยายการวิจัยในแอนตาร์กติกา ที่อยู่ในขั้วโลกใต้ ซึ่งกลุ่มประเทศตะวันตกมีความกังวล โดยเฉพาะสถานีแห่งใหม่นี้ ประกอบด้วย หอดูดาวพร้อมสถานีดาวเทียมภาคพื้นดิน นอกจากนี้จากภาพถ่ายดาวเทียม ยังพบว่า มีอาคารแห่งใหม่ ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ และการวางฐานรากสำหรับอาคารหลักขนาดใหญ่ พร้อมท่าเทียบเรือสำหรับเรือตัดน้ำแข็ง ในพื้นที่สถานีขนาด 5,000 ตารางเมตร คาดว่า การก่อสร้างจะแล้วเสร็จภายในปี 2567 ซึ่งในรายงานระบุว่า ในขณะที่โครงสร้างของสถานีสามารถติดตามและสื่อสารผ่านดาวเทียมของจีนที่มีการส่งขึ้นสู่วงโคจรอย่างต่อเนื่อง สถานีแห่งนี้ยังสามารถใช้ในการสกัดกั้นการสื่อสารผ่านดาวเทียมของประเทศอื่นๆได้ ทั้งสถานียังตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการรวบรวมข้อมูลข่าวกรองสัญญาณเหนือออสเตรเลียและนิวซีแลนด์
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ (2566) สื่อของทางการจีน รายงานว่า บริษัทวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการบินและอวกาศแห่งประเทศจีน (China Aerospace Science and Technology Group Co.) ชนะประมูลโครงการก่อสร้างสถานีอวกาศที่ศูนย์วิจัยจงชาน ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานีวิจัยถาวรของทางการจีนบนทวีปแอนตาร์กติกา ด้วยวงเงินเกือบ 44 ล้านหยวน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการขนาดใหญ่เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเลของจีน และผลักดันให้จีนเป็นมหาอำนาจทางทะเลของโลก
รายงานของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในปี 2565 ระบุว่า โครงการของจีนน่าจะมีจุดประสงค์เพื่อเสริมสร้างการอ้างสิทธิ์ในอนาคตต่อทรัพยากรธรรมชาติ การเข้าถึงทางทะเล และปรับปรุงขีดความสามารถของกองทัพประชาชนจีน ซึ่งบรรดาชาติตะวันตกต่างกังวลว่า จีนอาจใช้การขยายโครงการด้านอวกาศและเครือข่ายสถานีภาคพื้นดินทั่วโลกเพื่อการจารกรรมหรือสอดแนม แต่จีนปฏิเสธ
....
#สถานีดาวเทียมจีน
#ทวีปแอนตาร์กติกา
#กลาโหมสหรัฐ
Image: Center for Strategic and International Studies (CSIS)