ความคืบหน้าหลังจากจ่าสิบโท เขมรัตน์ ผู้ต้องหาความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เข้ามอบตัวในคดีเป็นแฮกเกอร์ใช้ชื่อว่า 9near ขู่จะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคนไทย 55 ล้านชื่อ โดยผู้ต้องหาเข้ามอบตัวกับตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
ล่าสุด พลตำรวจโทวรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ รวมทั้งพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ได้มานั้น มีความสอดคล้องกับคำให้การ โดยผู้ต้องหาจบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งมีความรู้ในด้านไอทีเป็นอย่างดี เริ่มแรก ผู้ต้องหาอยากรู้ว่า มีข้อมูลส่วนบุคคลของตัวเอง อยู่ในเว็บไซต์ Bleach Forums หรือไม่ ซึ่งเว็บไซต์ดังกล่าวเป็นเว็บไซต์ที่แฮ็คเกอร์นิยมใช้ซื้อขายแลกเปลี่ยนข้อมูลผิดกฎหมาย เมื่อเข้าไปตรวจสอบก็พบข้อมูลของตนเองอยู่ในเว็บไซต์ จึงติดต่อขอซื้อข้อมูลบุคคลของคนไทยเพิ่มจากเว็บดังกล่าว จำนวน 8,000,000 เรคคอร์ด เป็นเงิน 8,000 บาท จากนั้นได้นำรายชื่อส่วนหนึ่งโพสต์ขึ้นโซเชียลมีเดีย แต่ยังไม่ได้รับความสนใจ จึงได้นำข้อมูลส่วนตัวของคนมีชื่อเสียงโพสต์ลงในโซเชียลมีเดียและส่งข้อความไปหาเจ้าของข้อมูล จนเกิดเป็นกระแสขึ้นมา ทำให้รู้สึกตกใจ จนต้องหลบหนีไปยังสถานที่ต่างๆเพียงคนเดียว ส่วนพื้นที่ก่อเหตุนั้นยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งขณะนี้ได้นำตัวผู้ต้องหาไปตรวจค้นบ้านพัก และสถานที่อื่นๆที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อค้นหาอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดแล้ว
ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหายืนยันว่า เป็นการซื้อข้อมูลมาจากดาร์กเว็บ ไม่ใช่การแฮกจากระบบหรือเว็บไซต์หน่วยงานรัฐ และข้อมูลบางส่วนที่ได้มา ก็ทำลายไปแล้ว ยังไม่นำไปจำหน่ายแต่อย่างใด ส่วนที่อ้างว่ามีข้อมูลส่วนบุคคลของคนไทยที่หลุดไป 55 ล้านรายชื่อนั้น ไม่เป็นความจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบจำนวนข้อมูลที่รั่วไหลที่แท้จริง ขณะเดียวกันผู้ต้องหายืนยันว่า เป็นการกระทำเพียงคนเดียว และจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า ภรรยาของผู้ต้องหาเป็นพยาบาล มีหน้าที่ดูแลคนไข้บนวอร์ด ไม่เกี่ยวข้องกับการดูแลระบบไอที หรือข้อมูลอื่น ๆ
ด้านนายชัยวุฒิ คมาธมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ยืนยันว่า การกระทำผิดของผู้ต้องหาไม่ใช่การแฮ็กข้อมูล และเป็นการกระทำโดยตัวคนเดียว ซึ่งจากการตรวจสอบให้การรับสารภาพและเป็นไปตามพยานหลักฐาน ส่วนจะมีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องอีกหรือไม่อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของตำรวจไซเบอร์ หากพบบุคคลที่เกี่ยวข้องก็จะดำเนินการโดยไม่มีข้อยกเว้น และไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง พร้อมกับยืนยันว่าที่ผ่านมา หน่วยงานรัฐได้มีการสร้างระบบป้องกันข้อมูลรั่วไหลเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพิ่งประกาศใช้ในปีที่ผ่านมา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไทย แต่ยอมรับว่าการมีข้อมูลรั่วไหลจากหน่วยงานรัฐในอดีตนั้นตนไม่ทราบรายละเอียด
#แฮกเกอร์
#9near
#จ่าสิบโทเขมรัตน์