รอยเตอร์และวอลล์สตรีทเจอร์นาล รายงานอ้างนายบาร์ท เมเล็ค หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ของบริษัทหลักทรัพย์ทีดี (TD Securities)ของแคนาดาว่า ราคาน้ำมันขยับขึ้นในช่วงแรกของการซื้อขายในตลาดเอเชียในวันนี้ หลังนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่กังวลว่า การประกาศลดกำลังการผลิตขององค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร รวมถึงรัสเซีย (OPEC+) มีผลตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมนี้ จะส่งผลให้เกิดภาวะน้ำมันตึงตัวในตลาดโลก แต่ความกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจอ่อนแอทั่วโลกส่งผลให้ราคาน้ำมันขยับขึ้นในอัตราไม่สูงมาก
-น้ำมันดิบเบรนท์ ตลาดกรุงลอนดอน ขยับขึ้น 13 เซนต์หรือร้อยละ 0.2 อยู่ที่ 85.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
-ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ขยับขึ้น 14 เซนต์ หรือร้อยละ 0.2 อยู่ที่ 80.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบตามสัญญาซื้อขายทั้งสองสัญญาปรับขึ้นมา 3 สัปดาห์ติดต่อกัน ราคาน้ำมันขยับขึ้นมาในระดับเท่าๆกับราคาที่สูงครั้งสุดท้ายคือในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว หลังกลุ่ม OPEC+ สร้างความประหลาดใจให้กับบรรดานักลงทุนด้วยการประกาศเมื่อวันที่ 2 เมษายนว่า กลุ่ม OPEC+ จะเริ่มลดกำลังการผลิต 1.15 ล้านบาร์เรลต่อวัน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้
หลังการแถลงเรื่องนี้ ซาอุดิอาระเบีย ผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ของกลุ่ม OPEC ประกาศขึ้นราคาน้ำมันดิบงวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมสำหรับลูกค้าในเอเชียและสหรัฐฯ
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตามองอย่างใกล้ชิด เรื่องความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างอิรักกับรัฐบาลท้องถิ่นแคว้นเคอร์ดิสถานทางภาคเหนือเรื่องแผนรื้อฟื้นการส่งออกน้ำมันดิบจากแหล่งผลิตน้ำมันทางภาคเหนือของอิรักอีกครั้ง หากการเจรจาประสบผลสำเร็จ จะทำให้มีน้ำมันดิบเข้าสู่ตลาดโลกมากขึ้น
ด้านบริษัท เบเคอร์ ฮิวช์ส ซึ่งติดตามข้อมูลแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติของสหรัฐฯระบุว่า ปัจจัยหนุนที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอีกอย่างหนึ่งคือ ตัวเลขแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐฯลดลง 2 แห่ง เหลือ 590 แห่งในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ตัวเลขแท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติของสหรัฐฯลดลง 2 แห่ง เหลือ 158 แห่ง เป็นสัญญาณชี้ว่า การผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติของสหรัฐฯจะไม่เพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้
นอกจากนี้ นักลงทุนรอดูตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ซึ่งจะประกาศในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนคาดการณ์ทิศทางของอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯในระยะสั้น แม้ว่านักวิเคราะห์บางคนคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด อาจจะเริ่มชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเนื่องจากวิกฤตภาคธนาคาร แต่นักวิเคราะห์อีกหลายคน เชื่อว่า เฟดอาจจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก ถ้าหากเงินเฟ้อของสหรัฐฯยังคงอยู่ในอัตราที่สูง
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของเฟด ทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และทำให้สินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆที่ใช้เงินดอลลาร์ซื้อขาย เช่น น้ำมันดิบ มีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่นๆ
#โอเปกพลัส
#ตลาดน้ำมันดิบ