Krungthai COMPASS เผยเงินเฟ้อมีนาคม อยู่ที่ร้อยละ 2.83 ต่ำสุดในรอบ 15 เดือน

08 เมษายน 2566, 13:16น.


          Krungthai COMPASS เผยอัตราเงินเฟ้อเดือนมีนาคม 2566 อยู่ที่ร้อยละ 2.83 ต่ำสุดในรอบ 15 เดือน จากราคาพลังงานที่ชะลอตัวลงตามราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับลดลง แต่ยังต้องจับตาราคาพลังงานที่อาจกดดันเงินเฟ้อระยะข้างหน้า หลังจากที่ประชุมโอเปกพลัสมีมติลดกำลังการผลิตลง อีกทั้งหากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแรงจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มได้อีก โดยคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมเดือนพฤษภาคม สู่ร้อยละ 2.0



          นายชนม์นิธิศ ไชยสิงห์ทอง นักวิเคราะห์ Krungthai COMPASS เผยว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนมีนาคม ที่ระดับร้อยละ 2.83 เมื่อเทียบกับในปีที่แล้ว เป็นตัวเลขที่ชะลอลงจากเดือนกุมภาพันธ์ที่ขยายตัวร้อยละ 3.79 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว ยังต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดที่ร้อยละ 3.3 โดยขยายตัวต่ำสุดในรอบ 15 เดือน จากราคาหมวดพลังงานที่ขยายตัวร้อยละ 2.42 เทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ที่ร้อยละ 7.75 ตามราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่กลับมาหดตัวครั้งแรกในรอบ 26 เดือน (-2.48%) จากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับลดลงต่อเนื่อง และราคาหมวดอาหารสดชะลอลงเป็นร้อยละ 6.66 เทียบกับร้อยละ 7.14 ในเดือนกุมภาพันธ์ ตามราคากลุ่มเนื้อสัตว์ และกลุ่มไข่และผลิตภัณฑ์นมที่ชะลอลงเป็นสำคัญ



          สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานชะลอลงที่ร้อยละ 1.75 เทียบกับร้อยละ 1.93 ในเดือนก่อน จากราคาหมวดอาหารที่ชะลอลงเป็นสำคัญ เนื่องจากผลของฐานในปีก่อนที่ทยอยปรับสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาสินค้าและบริการที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ หมวดเคหสถาน หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล และหมวดการบันเทิง การอ่าน การศึกษาฯ



          อัตราเงินเฟ้อทั่วไปไตรมาสแรกของปีอยู่ที่ร้อยละ 3.88 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 2.24



          ยังต้องจับตาราคาพลังงานที่อาจกดดันอัตราเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า การประชุมโอเปกพลัสเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2566 มีมติลดกำลังการผลิตน้ำมันลงราว 1,660,000 บาร์เรลต่อวัน จากความกังวลต่อเศรษฐกิจถดถอยและอุปทานน้ำมันในตลาดโลกตึงตัว ซึ่งเป็นการปรับลดเพิ่มเติมจากที่มีการลดกำลังการผลิตอยู่แล้ว ส่งผลให้การผลิตน้ำมันจากกลุ่มโอเปกพลัสจะลดลงทั้งหมดราว 3,660,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 3.7 ของอุปสงค์โลก ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบดูไบปรับเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 7 สู่ระดับ 84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (ณ วันที่ 3 เม.ย. 66) Krungthai COMPASS ประเมินว่าหากราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อหมวดพลังงานอาจกลับมาเร่งสูงขึ้นได้ จากราคาน้ำมันขายปลีกกลุ่มเบนซินเป็นสำคัญ แต่ผลกระทบต่อราคาน้ำมันดีเซลค่อนข้างจำกัดเนื่องจากปัจจุบันภาครัฐได้ขยายมาตรการลดหย่อนภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 5 บาท/ลิตร ไปจนถึงวันที่ 20 กรกฎาคม 2566



          ผู้ประกอบการยังทยอยปรับขึ้นราคาสินค้าในหมวดพื้นฐานต่อเนื่อง แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อหมวดพื้นฐานจะชะลอลงเล็กน้อยจากผลของฐานในปีก่อนที่ปรับสูงขึ้น แต่ระดับราคาสินค้าในหมวดพื้นฐานยังคงทยอยปรับเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากการแบกรับต้นทุนของผู้ประกอบการในช่วงที่ผ่านมา และมีความเสี่ยงที่ผู้ประกอบการอาจส่งผ่านราคาเพิ่มขึ้น เนื่องจากอุปสงค์ในประเทศที่ฟื้นตัวอาจหนุนให้ปรับขึ้นราคาสินค้าต่อได้



          ตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานเทียบเดือนก่อนหน้า (MoM) ยังเพิ่มต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 17 จึงยังคงมีความเสี่ยงที่เงินเฟ้อพื้นฐานจะทรงตัวในระดับสูง Krungthai COMPASS คาดว่า กนง. มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพฤษภาคม 2566 สู่ร้อยละ 2.0 เพื่อรับมือกับแรงกดดันด้านราคาในหมวดพื้นฐาน (สัดส่วนร้อยละ 67.06) ที่ยังอยู่ในระดับสูง อีกทั้งหากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแรงจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มได้อีก นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มเติมด้านต้นทุนพลังงานในระยะข้างหน้า





..



#เงินเฟ้อ



#KrungthaiCOMPASS

ข่าวทั้งหมด

X