ยังจับไม่ได้! ตร.-ดีอีเอสตั้งโต๊ะแถลง ขอศาลออกหมายจับแฮกเกอร์แล้ว เร่งติดตามตัว

07 เมษายน 2566, 16:41น.


          การติดตามตัวแฮกเกอร์ ขโมยข้อมูลคนไทยกว่า 50 ล้านคน พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท)เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหาคนร้ายและออกหมายจับในข้อหาเปิดเผยข้อมูลอันเป็นเท็จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้เกิดความตื่นตระหนกของประชาชน ตามมาตรา 14 (2) ของพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ โดยตัวคนร้ายต้นสังกัดที่ทำงาน ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับภารกิจด้านเทคโนโลยี



          จากการสืบสวน คนร้ายมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ค่อนข้างมาก ส่วนแรงจูงใจคาดว่าน่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว  ถึงขณะนี้ ยังจับตัวคนร้ายยังไม่สามารถจับกุมได้ทันที ต้องผ่านกระบวนการทางผู้บังคับบัญชา โดยได้ส่งหนังสือไปยังต้นสังกัดแล้ว เพื่อตรวจสอบว่าตอนนี้ยังรับราชการอยู่หรือไม่ ถ้ายังรับอยู่ ต้องเป็นหน้าที่ของต้นสังกัดในการติดตามตัวและดำเนินการ ส่วนคนร้ายตอนนี้ติดต่อไม่ได้ รวมถึงภรรยาคนร้ายด้วย เบื้องต้นจากการสอบประวัติมีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์เยอะ



          ด้านนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ระบุว่า ขณะนี้มีข้อมูลหลุดจำนวนมาก แต่ยังไม่ทราบว่าจำนวนเท่าไหร่ ส่วนเรื่องประเด็นระบบหมอพร้อม ยอมรับว่าเป็นหน่วยงานหนึ่งที่มีข้อมูลจำนวนมาก แต่ยังต้องให้ความเป็นธรรม เพราะยังจับกุมคนร้ายไม่ได้ และคนร้ายอาจนำข้อมูลมาจากที่อื่น ส่วนการเข้าจับกุมนั้นไม่สามารถล็อกตัวมาได้ทันที เนื่องจากเป็นทหาร ต้องขออนุญาตผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดก่อน



          ก่อนหน้านี้  มีรายงานว่า  พนักงานสอบสวนกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับ นายเขมรัตน์ (สงวนนามสกุล) ชาว จ.นนทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา  ในความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน และเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน

           จากการตรวจสอบพบว่า ปัจจุบัน รับราชการเป็นทหารบกชั้นประทวนยศสิบเอก อยู่ใน จ.นนทบุรี และมีความใกล้ชิดกับนักการเมืองรายหนึ่ง ซึ่งทางต้นสังกัดของทหารนายดังกล่าวทราบเรื่อง ผู้บังคับบัญชาจึงได้นำมามอบตัวกับพนักงานสอบสวน ตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย.66 โดยมีรายงานว่า  ผู้ต้องหากระทำไปด้วยความคึกคะนอง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้คุมตัวภรรยาของสิบเอกรายนี้ ซึ่งเป็นพยาบาลของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ย่านแจ้งวัฒนะ มาสอบถามเพื่อให้ได้ข้อมูลว่า เป็นการจงใจหรือเป็นความคึกคะนองตามที่อ้างหรือไม่ หากพบว่าแฟนสาวมีความเกี่ยวข้องก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกัน



          ด้านพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือตำรวจไซเบอร์ ได้สืบทราบตัวแฮกเกอร์ 9near ที่นำข้อมูลส่วนตัวของคนไทย 55 ล้านรายชื่อไปเผยแพร่บนโซเชียลมีเดียแล้ว โดยยืนยันว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทหารบก (สังกัดหน่วยเกี่ยวกับการขนส่ง) ชั้นประทวน นายสิบ โดยขณะนี้ศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหารายดังกล่าวแล้วหนึ่งราย ส่วนจะมีผู้เกี่ยวข้องรายอื่นๆ เพิ่มเติมหรือไม่นั้น ยังต้องสืบสวนขยายผลต่อไป



          ขอยืนยันว่าข้อมูลที่หลุดออกไปนั้น เป็นข้อมูลจากแอปพลิเคชันหมอพร้อมจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องสืบสวนขยายผลจากภรรยาของผู้ต้องหาที่เป็นเจ้าหน้าที่พยาบาลและทำงานเกี่ยวกับระบบของหมอพร้อมด้วย ส่วนกระแสข่าวที่กล่าวว่าผู้ต้องหามีความใกล้ชิดกับนักการเมืองชื่อดังรายนั้นยังไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว



 



 



#ยังจับไม่ได้



#แฮกเกอร์ไม่รับสาย

ข่าวทั้งหมด

X