จีนคุมตัวคนร้ายฆ่า นักศึกษาจีนในประเทศไทย - ตำรวจเร่งสอบปากคำหญิงไทย พัวพันแก๊งอุ้มฆ่าด้วย

         ความคืบหน้าคดีอุ้มฆ่านักศึกษาจีน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ทางการจีนสามารถจับกุม นายโจว เผิงเฟย อายุ 24 ปี นายเฉิน ไซกัง อายุ 23 ปี และนายโจวเซี่ยวเฟย อายุ 23 ปี ชาวเมืองเหอเป่ย์ ประเทศจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับ ข้อหาร่วมกันก่อเหตุฆาตกรรม น.ส.จิน ซ่าน นักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ย่านธนบุรี ได้แล้ว หลังหลบหนีไปประเทศจีน โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไทย ได้ส่งพนักงานสอบสวนไปถึงยังกรุงปักกิ่งแล้ว อยู่ระหว่างเดินทางไปสอบปากคำผู้ต้องหาร่วมกับทางการจีน ถึงสาเหตุการฆาตกรรมครั้งนี้

         ซึ่งการสอบสวนจะร่วมกันทั้งสองประเทศ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง โดยขั้นตอนการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา แบ่งเป็น 2 แนวทาง คือเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ผู้ต้องหาและผู้เสียชีวิตเป็นคนจีนที่เหตุเกิดนอกประเทศจีน และทางการจีนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ภายในประเทศจีน ทางการจีนสามารถดำเนินคดีได้ที่ประเทศจีน โดยไม่ต้องส่งตัวผู้ต้องหากลับมาประเทศไทย เพราะกฎหมายของประเทศจีนมีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต ซึ่งตามขั้นตอน ตำรวจไทยจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุ รวมทั้งการแจ้งความที่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดี ส่งไปให้ทางการจีนเพื่อพิจารณาคดีในชั้นศาล

          ในทางกลับกัน หากเป็นคนไทยที่ก่อเหตุฆาตกรรมกันเองในต่างประเทศ แล้วทางการไทยจับผู้ต้องหาได้ในประเทศไทย ก็สามารถนำตัวกลับมาดำเนินคดีที่ไทยได้เช่นกัน ส่วนกรณีที่มีการสอบปากคำหญิงไทย ที่เป็นสาวคาราโอเกะวัย 19 ปี ย่านอินทามระ ที่เป็นนกต่อ ถือว่าให้การที่เป็นประโยชน์ แต่ในรายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล

          ที่ผ่านมา มีชาวจีนก่อเหตุอาชญากรรมในไทยค่อนข้างมาก ซึ่งได้กำชับเจ้าหน้าที่ทุกส่วนแล้ว และไทย-จีนเองก็ทำงานร่วมกันมาตลอด ส่วนที่ไทยมีการออกวีซ่าแบบ Visa on Arrival (VOA) ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถมารับวีซ่าที่สนามบินได้เลยนั้น เป็นการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว แต่ก็อาจทำให้มีคนร้ายแฝงตัวเข้ามาได้ ต่อไปจะต้องหามาตรการที่เหมาะสม ทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยว และป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้น และจากการสังเกต พบว่า คนจีนมักจะทำร้ายกันเอง ไม่เกี่ยวกับคนไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะนำบทเรียนมาปรับแผนการป้องกันที่เข้มข้นต่อไป

          ด้านพนักงานสอบสวนสภ.บางแม่นาง อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบช.ภ.1 พร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวนนครบาล ตำรวจชุดสืบสวนภาค 1 ตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดนนทบุรี และ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.บางแม่นาง ร่วมกันประชุมเร่งรัดคดี พล.ต.ต.พีระพงศ์ กล่าวว่า คดีนี้มีคนร้ายเป็นคนจีน 3 คน คนไทย 1 คน โดยจะแจ้งข้อหาทั้งกักขังหน่วงเหนี่ยว เรียกค่าไถ่ เจตนาฆ่าโดยทรมาน ซุกซ่อนทำลายศพ และจะออกหมายจับ จากนั้นจะประสานสถานทูตจีน และออกหมายแดง เพื่อติดตามตัวคนร้ายต่อไป ส่วนการสอบปากคำผู้หญิงคนไทยที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี หลังพบว่า ทำงานอยู่สถานบริการ อายุ 19 ปี เป็นคนให้คำปรึกษา แนะนำในเรื่องการก่อเหตุเรียกค่าไถ่ รวมถึงนำศพไปทิ้ง แต่ไม่ได้มาร่วมก่อเหตุกับกลุ่มชาวจีน โดยคุยกันผ่านทางแอปพลิเคชันวีแชต และเป็นคนไปส่งกลุ่มคนจีนที่สนามบิน

          พ.ต.อ.สมพล วงศ์ศรีสุนทร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี นำเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานภาค 1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดนนทบุรี เข้าตรวจค้นหาพยานหลักฐานที่บ้านเช่าในหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านบางใหญ่ จ.นนทบุรี ซึ่งแก๊งคนร้ายได้มาเช่าอยู่และคาดว่าจะเป็นจุดที่ลงมือฆ่านศ.หญิงสาวชาวจีน หลังพยายามเรียกค่าไถ่จากพ่อของนศ.สาว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ก่อนจะนำศพไปทิ้งร่องน้ำใกล้กับสวนบัวของชาวบ้าน

          มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าบ้านหลังนี้มีผู้หญิงเป็นคนติดต่อขอเช่าเป็นระยะเวลา 1 เดือน แต่ไม่เปิดเผยเรื่องราคา โดยทำสัญญาเช่าตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค.66 จนกระทั่งคืนวันที่ 29 มี.ค.66 ผู้เช่าติดต่อขอคืนบ้านเช่า อ้างต้องเดินทางกลับประเทศด่วน และได้ขอเงินค่าเช่าที่จ่ายล่วงหน้าคืนบางส่วน พยานยืนยันว่าวันที่ 29 มี.ค.66 เวลาประมาณ 20.20 น.เห็นรถเก๋งสีแดง ขับออกจากหมู่บ้านไปแล้วไม่ได้กลับเข้ามา โดยก่อนหน้านี้ย้อนหลังไปประมาณ 1 สัปดาห์ รปภ.ของหมู่บ้านให้ข้อมูลว่า ช่วงเวลาประมาณ 3-4 ทุ่มเห็นหญิงสาวที่เสียชีวิตนั่งรถแท็กซี่เขียวเหลืองมาลงที่หน้าหมู่บ้านเหมือนมีการนัดเจอกับใคร หลังจากนั้นก็มีรถเก๋งสีแดง ขับเข้ามาแล้วจอดรับหญิงสาวคนดังกล่าวขึ้นรถขับเข้าไปในหมู่บ้าน รปภ.ยืนยันว่าใช่หญิงสาวคนดังกล่าวแน่นอน เนื่องจากได้สอบถามแล้วคุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะเขาพูดเหมือนคนจีน

#อุ้มฆ่านักศึกษาจีน

CR:ขอบคุณข้อมูล-ภาพ ผู้พิทักษ์,ดาวแปดแฉก