นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชาเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก และกระทรวงสาธารณสุขของไทย โดยระบุว่า องค์การอนามัยโลก แนะนำฉีดวัคซีนโควิด-19 (28 มีนาคม 2566) โดยเน้นการป้องกันความเสี่ยงเสียชีวิต และป้องกันความรุนแรงของโรค ดังนั้นการให้วัคซีนเข็มกระตุ้น จึงควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ร่วมด้วย เช่น อายุ โรคประจำตัว ภาวะภูมิคุ้มกัน และ ความรุนแรงสถานการณ์การระบาดของโรค โดยแนะนำให้เริ่มฉีดได้ที่ระยะเวลาตั้งแต่ 6 ถึง 12 เดือนขึ้นไปนับจากวัคซีนเข็มล่าสุด โดยเริ่มฉีดให้แก่กลุ่มความเสี่ยงสูง (High priority) เป็นลำดับแรก ได้แก่ ผู้สูงอายุ, ผู้ใหญ่ที่มีโรคร่วมอื่นร่วม ทำให้เสี่ยงสูง เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ, ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ที่ ติดเชื้อ HIV หรือ ผู้ที่ปลูกถ่ายอวัยวะ, กลุ่มเด็กที่อายุมากกว่า 6 เดือนขึ้นไปที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง, หญิงตั้งครรภ์ และบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า
ซึ่งเป็นคำแนะนำที่สอดคล้องกับคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขของไทย
ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงปานกลาง (Medium priority) ได้แก่ ผู้ใหญ่มีสุขภาพดี อายุ 50-60 ปี ที่ไม่มีโรคประจำตัวเสี่ยง และ เด็ก วัยรุ่น ร่วมกับโรคประจำตัว มีปัจจัยเสี่ยง จะแนะนำให้วัคซีน สองเข็มแรก ร่วมกับ หนึ่งเข็มกระตุ้น ประชากรกลุ่มนี้ สามารถรับวัคซีนเข็มที่สี่ได้ แต่ไม่ได้แนะนำให้ทุกคน เนื่องจากอาจจะไม่เห็นผลในเชิง public health
กลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มความเสี่ยงต่ำ (Low priority) ได้แก่ กลุ่มเด็กและวัยรุ่นที่มีสุขภาพแข็งแรงดี อายุตั้งแต่ 6 เดือนถึง 17 ปี มีความเสี่ยงต่ำจากการติดเชื้อ และความรุนแรง จึงให้พิจารณา รับวัคซีนตามความจำเป็น โดยดูร่วม กับความรุนแรงของสถานการณ์ระบาด และความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ
คำแนะนำใกล้เคียงกับการให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ในปัจจุบัน
นอกจากนี้องค์การอนามัยโลก ยังแนะนำให้ใช้ mRNA Bivalent vaccine ต่อสายพันธุ์ BA.5 ให้นำมาใช้เป็น Primary vaccine ได้แล้ว
...
#วัคซีนโควิด
แฟ้มภาพ