กกต.ยืนยันความพร้อมรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต และ บัญชีรายชื่อ เริ่มต้นสัปดาห์หน้า

           นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ว่า วันนี้ได้ซักซ้อมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพมหานครในฐานะเจ้าของพื้นที่ การไฟฟ้านครหลวง และสำนักงาน กกต. เพื่อเตรียมความพร้อม ให้วันรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

           โดยการรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะจัดขึ้นที่อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการ กทม.2  เขตดินแดน กรุงเทพฯ  เริ่มรับสมัครวันที่ 4-7 เม.ย. ตั้งแต่เวลา 08.30-16.00น.โดยการจับสลากหมายเลขผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ ใครที่มาก่อนเวลา 08.30 น. จะได้สิทธิการจับสลาก  แต่ถ้าหากใครมาหลังเวลาดังกล่าว  ก็จะได้หมายเลขเรียงลำดับถัดไป อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขการลงสมัครแบบบัญชีรายชื่อ พรรคจะต้องส่งผู้สมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้งก่อน

          ส่วนการรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต  จะมีขึ้นที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 กรุงเทพฯ เริ่มรับสมัครวันที่ 3-7 เม.ย. เวลา 08.30-16.30 น. ซึ่งจะมีผู้อำนวยการเขตเลือกตั้งแต่ละเขตเป็นผู้รับสมัคร โดยจะเป็นคนละส่วนความรับผิดชอบกับสำนักงาน กกต. สำหรับจังหวัดอื่นๆ ขึ้นอยู่กับผู้อำนวยการ กกต. แต่ละจังหวัดจะเป็นผู้กำหนด

           เลขาธิการ กกต.ระบุว่า  การเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2566 จะใช้รูปแบบบัตรลงคะแนน 2 ใบ ประกอบด้วย บัตรลงคะแนนผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต และบัตรลงคะแนนผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ  ซึ่งจะไม่ใช่เบอร์เดียวกัน แต่ก็มีความเป็นได้ที่จะได้เบอร์เดียวกันทั้ง 2 ใบในกรณีที่จับสลากได้หมายเลขเดียวกัน ส่วนเรื่องสีของบัตรเลือกตั้งนั้นยังไม่ได้กำหนดสี  อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดพิมพ์บัตร เพราะบัตรจะพิมพ์ได้ก็ต่อเมื่อมีการรับสมัครเสร็จแล้วก่อน

          ส่วนการลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า  นายแสวง บอกว่า เตรียมระบบไว้ดีแล้ว แต่ชี้แจงประชาชนไม่ละเอียด  ทำให้ช่วงแรกเกิดความสับสนอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ก็น่าจะแก้ไขแล้ว ทั้งในส่วนสำนักงาน กกต.และสื่อมวลชนที่ชี้แจงต่อประชาชน ซึ่งก็น่าจะเป็นระบบและเป็นไปได้ด้วยความเรียบร้อยแล้ว ส่วนปัญหาการลงทะเบียนแล้วระบบผิดพลาดให้ใช้สิทธิในวันที่ 14 พ.ค. ซึ่งไม่สามารถยกเลิกได้นั้น ตอนนี้สำนักงานทราบเรื่องแล้ว และจะนำไปแก้ไขเพื่อรักษาสิทธิของประชาชนโดยเร็ว

          ส่วนกรณีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเสรีรวมไทย ออกมาตั้งข้อสังเกตว่า คนไทยในบางประเทศลงทะเบียนเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรแล้ว แต่มีการกำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ไม่ใช่วันหยุด นายแสวง กล่าวว่า ได้รับทราบข้อมูลแล้ว สำนักงานก็ต้องพูดคุยว่าเป็นอย่างไร บางทีเป็นความเห็นไม่ใช่ข้อเท็จจริง  อาจจะต้องดูเงื่อนไขตามกฎหมายด้วย แต่ก็เป็นหนึ่งเสียงที่ต้องรับฟังเหมือนกัน

          นายแสวง ยังกล่าวถึงกรณีตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครรับเลือกตั้ง ทาง กกต.จะร่วมมือกับทุกหน่วยงาน ประมาณ 26 หน่วยงาน โดยมีการซักซ้อมกันแล้ว และจะตรวจสอบตามมาตรฐานที่วางไว้  แต่คุณสมบัติบางเรื่องไม่ได้อยู่ในหน่วยงานของรัฐที่สามารถตรวจสอบได้  เพราะอยู่นอกเหนือฐานข้อมูลราชการ เป็นเรื่องส่วนตัวของผู้สมัครเอง กฎหมายถึงต้องเขียนว่า รู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิมาใช้สมัคร

           อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในการสมัครรับเลือกตั้งที่กำลังจะถึงนี้ พรรคการเมืองมีความระวัง โดยวิธีปฏิบัติพรรคการเมืองหรือผู้สมัคร จะมีการประสานกับผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด  เพื่อดูหลักฐานก่อนส่วนหนึ่ง  ขณะที่หัวหน้าพรรคก็มีการส่งข้อมูลให้ กกต. ตรวจสอบก่อนในระดับหนึ่ง เพียงแต่บางอย่างผู้สมัครอาจจะหลงลืม หรือมาเจอทีหลัง ซึ่งส่วนมากจะไม่เกิดเรื่องอย่างนี้ แต่เรื่องที่ไปถึงศาลฎีกามากที่สุด คือ เรื่องความเป็นสมาชิกของพรรคการเมือง ซึ่งต้องเป็นสมาชิกพรรค 30 วันก่อนถึงวันเลือกตั้ง  สำหรับที่มีการย้ายพรรค ซึ่ง กกต.ก็มีระบบฐานข้อมูลดูอยู่แล้ว

          ส่วนที่ศาลปกครองกลางนัดไต่สวน กรณีการแบ่งเขตเลือกตั้งของ กกต. ในวันที่ 30 มี.ค.นี้ นายแสวง กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ในชั้นศาล ตนยังพูดอะไรมากไม่ได้ แต่ยืนยันว่าทำตามรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ในการแบ่งเขต  ทั้งนี้ กกต.ได้มอบหมายให้ผู้แทนไปชี้แจง อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับศาลว่าจะพิจารณาอย่างไร

          ขณะที่ในวันนี้ มีพิธีลงนาม “จรรยาบรรณการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566” และ “สัญญาที่พรรคการเมืองขอให้ไว้แก่ประชาชน พ.ศ. 2566” โดยมีตัวแทนจาก กกต.  สถานทูตหลายแห่ง ภาคประชาสังคม และองค์กรสื่อร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนาม  ซึ่งพรรคการเมืองตั้งปณิธานที่จะให้การเลือกตั้งมีความโปร่งใส และจะร่วมกันนำนโยบายที่สัญญาไว้ไปปฏิบัติจริง เพื่อส่งเสริมให้การเลือกตั้งครั้งนี้นำไปสู่การเปลี่ยนผ่านทางการเมือง ที่ยกระดับระบอบประชาธิปไตยของไทยให้มีคุณภาพและมาตรฐานที่ดีขึ้นไป  

#เลือกตั้ง

#กกต