จีนซึ่งเป็นประเทศเจ้าหนี้รายใหญ่แห่งหนึ่งของโลกปลดหนี้มากถึง 240,000 ล้านดอลลาร์ ให้แก่ 22 ประเทศ ระหว่างปี 2551 ถึง 2564 ตามรายงานของธนาคารโลก ร่วมด้วยคณะการเมืองการปกครองและนโยบายของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด, สถาบันสถาบันเคียลเพื่อเศรษฐกิจโลก และหน่วยวิจัยของมหาวิทยาลัยวิลเลี่ยมและแมรี ในสหรัฐฯ
จีนได้ให้เงินกู้มูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์แก่ประเทศต่าง ๆ เพื่อเดินหน้าโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road) แต่การให้เงินกู้เริ่มลดลงตั้งแต่ปี 2559 เมื่อหลายประเทศมีปัญหางบดุล ไม่สามารถจ่ายคืน โดยเพิ่มขึ้นจากระดับไม่ถึงร้อยละ 5 ในปี 2553 มาอยู่ที่ร้อยละ 60 โดยความพยายามปลดหนี้ของจีนอยู่ในรูปแบบการจัดสรรเงินจากธนาคารกลางของจีน และการสนับสนุนแบบอื่น ๆ จากธนาคารและบริษัทของรัฐบาลจีน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุว่า การลงทุนต่างประเทศของจีนเป็นไปตามหลักเกณฑ์เรื่องการเปิดกว้างและโปร่งใส มีความเคารพในเจตนารมณ์ของประเทศที่เกี่ยวข้อง ไม่เคยบังคับให้จ่ายเงินคืน และไม่ผูกความตกลงกู้เงินไว้กับเงื่อนไขทางการเมือง
แม้ว่าเงินช่วยเหลือของจีนจะยังน้อยกว่าเงินช่วยเหลือของสหรัฐฯ หรือกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ซึ่งให้เงินกู้ฉุกเฉินแก่ประเทศต่างๆ ที่เกิดวิกฤต แต่จีนก็กลายเป็นเจ้าหนี้ของประเทศกำลังพัฒนาหลายแห่ง
…
#หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง
#จีน