การแถลงผลงาน 6 เดือนของรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2557- 12 มีนาคม 2558ในรัฐบาลของพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พล.อ. ประยุทธ์ ระบุว่า ตั้งแต่ช่วงที่มีการรัฐประหารตั้งแต่เเดือนพฤษภาคม 2557 เศรษฐกิจดีขึ้นกว่าช่วงที่มีการชุมนุมขึ้นมาก โดยช่วงต้นปี 2557 พบว่าเศรษฐกิจซบเซา และในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558 นี้ก็พบว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเติบโตขึ้นกว่าร้อยละ 23 ขณะนี้กำลังให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้แทนหาตลาดใหม่ตามต่างประเทศ จะต้องดูว่ามีสินค้าอะไรที่สามารถนำไปขายเพิ่มหรือแปรรูปพัฒนามูลค่าได้ ทั้งนี้รัฐบาลกำลังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นอยู่
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า จะต้องมีการจัดระบบสหกรณ์และขึ้นทะเบียนเกษตรกรเพื่อจัดระเบียบใหม่และต้องปรับทักษะแรงงานให้สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านไ ขณะนี้ทุกฝ่ายต้องคิดร่วมกันว่าประเทศมีปัญหาตามที่ตัวเองเคยชี้แจงไปแล้วจริงหรือไม่ และทุกฝ่ายต้องร่วมกันจัดการปัญหา รวมทั้งห้ามสร้างความขัดแย้งขึ้นมาใหม่อีก ส่วนการที่นาย สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบก.ลายจุด รับซื้อข้าวในราคาเกวียนละ 15,000บาทนั้น ส่วนตัวมองว่าคงทำไม่ได้จริงและไม่รู้ด้วยว่าข้าวลายจุดนั้นมีทะเบียนการค้าถูกต้องหรือไม่ พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงการเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลเก่าที่มีการคงค้างกว่าแสนล้านบาทนั้น เกิดจากการที่รัฐบาลเก่าต้องการเก็บเงินจำนวนนี้ไปใช้ในการเลือกตั้งหรือไม่
ด้านการศึกษา พล.อ. ประยุทธ์ ระบุว่า คะแนนสอบต่างๆดีขึ้น แต่ควรเพิ่มครูที่มีชื่อเสียงที่สอนกวดวิชาเข้ามาเพิ่ม นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่าในอดีตไม่สามารถเกิดการปรองดองได้ แต่ตัวเองอยากให้ประเทศสงบเรียบร้อย จึงเป็นที่จะต้องเข้ามาทั้งที่ไม่ได้อยากจะเข้ามายืนอยู่ในจุดดังกล่าวซึ่งก็ยังพบว่ามีนักการเมืองบางกลุ่มออกมาต่อต้านรัฐบาลอยู่
ส่วนเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ก็พบว่าประชาชน ออกมาเล่นสงกรานต์กันจำนวนมาก ในช่วงท้ายของการแถลงผลงาน นายกฯ ระบุว่า รัฐธรรมนูญจะเป็นตัวกำหนดประเทศว่าจะเดินหน้าไปอย่างไรในอนาคต และระบุว่าหากมีผู้ว่าตัวเองมากก็จะยิ่งทำงานหนักและอาจอยู่นานมากขึ้น ก่อนจะแซวว่าประเทศกัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนรักที่เวลาตัวเองเดินทางไปไหนมาไหน กัมพูชามักจะถามไถ่ตลอด และยังแซวว่าคืนนี้ให้รอดูตัวเองอีกครั้งในรายการคืนความสุขที่จะแถลงสรุปผลงานรัฐบาลซ้ำอีกรอบด้วย