'GISTDA' เปิดข้อมูล 26 มี.ค.ไทยพบจุดความร้อนมากที่สุดในรอบ 5 ปี กว่า 5,500 จุด

          สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ GISTDA เผยภาพถ่ายดาวเทียมพบจุดความร้อนหรือฮอตสปอตจากไฟป่าใน 24 ชั่วโมงหนาแน่นเต็มพื้นที่ภาคเหนือกว่า 4,115 จุด

          ก่อนหน้านี้ GISTDA ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของวันที่ 26 มีนาคม 2566 ไทยพบจุดความร้อนมากที่สุด 5,572 จุด สูงสุดในรอบ 5 ปีจากการเริ่มเก็บสถิติ ด้านประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่ายังครองแชมป์สูงสุดถึง 10,563 จุด ตามด้วย สปป.ลาว 9,652 จุด, กัมพูชา 1,342 จุด, เวียดนาม 870 จุด และ มาเลเชีย 22 จุด

          สำหรับจุดความร้อนในประเทศไทย ส่วนใหญ่พบในพื้นป่าอนุรักษ์ 2,982 จุด,พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 1,785 จุด,พื้นที่เกษตร 376 จุด,พื้นที่ชุมชนอื่นๆ 207 จุด,พื้นที่เขต สปก. 202 จุด,และพื้นที่ริมทางหลวง 20 จุด ในส่วนของจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด 3 อันดับ คือ 

1.จ.น่าน 638 จุด 

2.แม่ฮ่องสอน 558 จุด และ 

3.อุตรดิตถ์ 430 จุด

           ด้านศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าอุทยานแห่งชาตินันทบุรี สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่จากอุทยานแห่งชาตินันทบุรี สถานีควบคุมไฟป่านนทบุรี หน่วยศึกษาการพัฒนาการอนุรักษ์ต้นน้ำบ้านหลวง หน่วยศึกษาการพัฒนาการอนุรักษ์ต้นน้ำน้ำพี้ หน่วยศึกษาการพัฒนาการอนุรักษ์ต้นน้ำแม่สะลาดำเนินงานตรวจสอบจุดความร้อน (Hotspot) พบจุดความร้อน รวม 12 จุด และได้เข้าดำเนินการดับไฟตามจุดต่าง ๆ ดังนี้

- บริเวณที่ 1 บริเวณป่าขุนห้วยตึม ต.บ้านพี้ อ.บ้านหลวง จ.น่าน เจ้าหน้าที่ รวมจำนวน 10 นาย สามารถควบคุมไฟได้ไฟได้ดับลงเเล้ว สาเหตุคาดว่าเป็นการเก็บหาของป่า พื้นที่ความเสียหาย 12 ไร่

- บริเวณที่ 3-11 บริเวณป่าขุนห้วยช้าง บ้านดอน ต.สวด อ.บ้านหลวง จ.น่าน เจ้าหน้าที่จำนวน 15 นาย เข้าควบคุมไฟได้เรียบร้อยแล้ว สาเหตุคาดว่าเป็นการเก็บหาของป่า พื้นที่ความเสียหาย 30 ไร่

- บริเวณที่ 12 บริเวณป่าบ้านโป่งศรี ต.บ้านฟ้า อ.บ้านหลวง จ.น่าน เจ้าหน้าที่ จำนวน 10 นาย เข้าควบคุมไฟได้แล้ว สาเหตุคาดว่าเป็นการเก็บหาของป่า พื้นที่ความเสียหาย 7 ไร่

           โดยเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าในแต่ละหน่วยของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ยังคงร่วมกันเฝ้าระวัง และร่วมกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างต่อเนื่อง

           ด้านศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) รายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศพื้นที่ทั่วประเทศ คุณภาพอากาศอยู่ในระดับ คุณภาพดีมากถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ ตรวจวัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง พบค่าฝุ่นระหว่าง 10 – 551 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม.)

ภาคเหนือ ตรวจวัดค่าฝุ่นระหว่าง 37 – 551 มคก./ลบ.ม. พบเกินมาตรฐานรวม 29 พื้นที่ โดยเป็นพื้นที่สีแดง (กระทบต่อสุขภาพ) 19 พื้นที่ ได้แก่ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ค่าฝุ่น 551 มคก./ลบ.ม. ซึ่งมีค่าฝุ่นสูงสุดในไทย ต.เวียง อ.เชียงของ จ.เชียงราย ค่าฝุ่น 279 มคก./ลบ.ม., ต.เวียง อ.เมือง จ.เชียงราย ค่าฝุ่น 243 มคก./ลบ.ม., ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ค่าฝุ่น 113 มคก./ลบ.ม., ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ค่าฝุ่น 105 มคก./ลบ.ม.,

ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ค่าฝุ่น 95 มคก./ลบ.ม., ต.หางดง อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ค่าฝุ่น 128 มคก./ลบ.ม., ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ค่าฝุ่น 293 มคก./ลบ.ม., ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง ค่าฝุ่น 113 มคก./ลบ.ม., ต.ลี้ อ.ลี้ จ.ลำพูน ค่าฝุ่น 110 มคก./ลบ.ม., ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ลำพูน ค่าฝุ่น 97 มคก./ลบ.ม., ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ค่าฝุ่น 232 มคก./ลบ.ม., ต.เวียงใต้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ค่าฝุ่น 305 มคก./ลบ.ม.,

ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ค่าฝุ่น 148 มคก./ลบ.ม., ต.ในเวียง อ.เมือง จ.น่าน ค่าฝุ่น 207 มคก./ลบ.ม., ต.ห้วยโก๋น อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน ค่าฝุ่น 267 มคก./ลบ.ม., ต.นาจักร อ.เมือง จ.แพร่ ค่าฝุ่น 130 มคก./ลบ.ม., ต.บ้านต๋อม อ.เมือง จ.พะเยา ค่าฝุ่น 151มคก./ลบ.ม. และ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ค่าฝุ่น 93 มคก./ลบ.ม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตรวจวัดค่าฝุ่นระหว่าง 32 – 221 มคก./ลบ.ม. เกินมาตรฐาน 8 พื้นที่ โดยเป็นพื้นที่สีแดง 4 พื้นที่ ได้แก่ ต.กุดป่อง อ.เมือง จ.เลย ค่าฝุ่น 96 มคก./ลบ.ม., ต.มีชัย อ.เมือง จ.หนองคาย ค่าฝุ่น 131 มคก./ลบ.ม., ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครพนม ค่าฝุ่น 95 มคก./ลบ.ม. และ ต.บึงกาฬ อ.เมือง จ.จ.บึงกาฬ ค่าฝุ่น 221 มคก./ลบ.ม.

          สำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ คุณภาพอากาศอยู่ในระดับ คุณภาพดีมากถึงคุณภาพปานกลาง

 #จุดความร้อน 

#พีเอ็มสองจุดห้า

CR:https://www.facebook.com/photo?fbid=599290802237460&set=a.308224414677435