นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2566 คาดว่า ปตท.จะบรรลุการเจรจาจนสามารถร่วมลงทุนกันได้ไม่ต่ำกว่า 5 ดีล เป็นการลงทุนสร้างโอกาสทางธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจใหม่ ซึ่งใช้เงินลงทุนประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ในธุรกิจทั้งในต่างประเทศและในประเทศ จากวงเงินตามแผนลงทุน 5 ปี 4 แสนล้านบาท ส่วนเงินลงทุนตามแผนนี้ แบ่งได้เป็น งบประมาณ 1 แสนล้านบาท คือ งบที่ใช้ลงทุนที่มีการเจรจาสำเร็จแล้ว 100% และวงเงินอีก 3 แสนล้านบาท อยู่ระหว่างการเจรจา ยังไม่จบและยังไม่ตกลงเซ็นสัญญาร่วมทุนระหว่างกัน
ทั้งนี้ ในปี 2566 ปตท.ตั้งเป้าจะมีรายได้เกือบ 3 ล้านล้านบาท ลดลงจากปี 2565 ซึ่งมียอดขายประมาณ 3 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลกที่เริ่มคลี่คลายลง ทำให้คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเฉลี่ยทั้งปีจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อ่อนตัวลงต่ำกว่าปีก่อน ที่ระดับราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นจากความตึงเครียดสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน จึงกระทบต่อราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมถึงราคาน้ำมันในไทยด้วย โดยทั้งปีราคาจะแกว่งในระดับแคบๆ จากปัจจุบันราคาอยู่ที่ประมาณ 75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และในช่วงกลางปี ราคาน้ำมันจะอ่อนตัวลงและปรับขึ้นในช่วงปลายปี ตามฤดูกาลปกติ ทั้งนี้ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปตท.จะตรึงราคาขายปลีกน้ำมัน เพื่อช่วยบรรเทาภาระผู้บริโภค และหากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลง ปตท. ก็พร้อมจะปรับลดราคาลงด้วย
สำหรับธุรกิจใหม่ของปตท.ประกอบด้วย กลุ่มพลังงานแห่งอนาคต (Future Energy) 4 กลุ่ม ได้แก่ พลังงานทดแทน ระบบกักเก็บพลังงาน/แบตเตอรี่ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และไฮโดรเจน และธุรกิจใหม่ที่ไม่ใช่พลังงาน (Beyond energy) ได้แก่ ธุรกิจ life science ยา อุปกรณ์ทางการแพทย์ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และอื่นๆ ได้แก่ สินค้าที่มีมูลค่าสูง High Value Business ซึ่งเป็นการต่อยอดจากธุรกิจปิโตรเคมี ธุรกิจเกี่ยวกับการขับเคลื่อนและไลฟ์สไตล์ ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ โดย ปตท.มีเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจใหม่ 30% ในปี 2030 (2573) โดยเฉพาะการมุ่งสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยจะผลิตพลังงานทดแทน ให้ได้ 12,000 เมกกะวัตต์ จากปัจจุบันที่มีอยู่ 2,700 เมกะวัตต์
#ปตท
#ราคาน้ำมัน
#สงกรานต์