การตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) 0.25% ท่ามกลางข้อถกเถียงที่ว่าเฟดควรเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ หลังจากการปิดกิจการของซิลลิคอน แวลลีย์ แบงก์ (เอสวีบี) มีส่วนเกี่ยวข้องกับต้นทุนการกู้ยืม (การปรับขึ้นดอกเบี้ย) ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากตลอดปีที่ผ่านมา
เอสวีบี ล่มสลายลงหลังขาดทุน 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการขายหลักทรัพย์ลงทุน รวมถึงพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เนื่องจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดวันพุธ(22มี.ค.66) ลดลงอย่างหนัก หลังเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามความคาดหมาย สู่ระดับ 4.75-5.00% พร้อมส่งสัญญาณใกล้ยุติวงจรปรับขึ้นดอกเบี้ย
-ดาวโจนส์ ลดลง 530.49 จุด (1.63%) ปิดที่ 32,030.11 จุด
-เอสแอนด์พี ลดลง 65.90 จุด (1.65%) ปิดที่ 3,936.97 จุด
-แนสแดค ลดลง 190.15 จุด (1.60%) ปิดที่ 11,669.96 จุด
ส่วนราคาน้ำมัน ปิดตลาดปรับขึ้นราวๆ 2% แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ จากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ หลังจากเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยเล็กน้อยตามคาด
-สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพ.ค.66 เพิ่มขึ้น 1.23 ดอลลาร์ ปิดที่ 70.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
-เบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพ.ค.66 เพิ่มขึ้น 1.37 ดอลลาร์ ปิดที่ 76.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองคำ ซึ่งปิดตลาดก่อนเฟดลงมติปรับขึ้นดอกเบี้ยเล็กน้อย เคลื่อนไหวในแดนบวก
-ราคาทองคำโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนเม.ย.66 เพิ่มขึ้น 8.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,949.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และดีดตัวขึ้นกว่าเดิมในการซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกส์ จากความเคลื่อนไหวดังกล่าวของเฟด
การคาดการณ์ล่าสุด พบว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด 10 คน จาก 18 คน คาดการณ์ว่าน่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% อีกครั้งในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งเป็นมุมมองเดิมจากประมาณการครั้งก่อนเมื่อเดือนธ.ค.65
#เฟด
#หุ้นวอลล์สตรีท
แฟ้มภาพ