หลังการคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. ด้านเศรษฐกิจ นายอาคม เติม พิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะเลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี ในไตรมาสแรก ของปีนี้ เติบโตร้อยละ 3 ซึ่งมีสัญญาณที่ดี มาจากหลายปัจจัย เช่น ปัจจัยการท่องเที่ยว โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวจากจีนเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ,ปัจจัยด้านการบริโภค ซึ่งมีการใช้จ่ายมากขึ้น โดยธนาคารแห่งประเทศไทย ก็เชื่อว่าในไตรมาสแรก จะมีการขยายตัวในทางบวกถึงร้อยละ 1-2 ,ส่วนปัจจัยด้านการค้าตามแนวชายแดน เติบโตร้อยละ 7-10 แต่ถึงแม้ว่าทางด้านการส่งออกภาพรวมจะติดลบ ร้อยละ 4 แต่จากที่มีการขยายเขตเศรษฐกิจพิเศษ ก็ทำให้ส่งผลในด้านการส่งออกที่ดีขึ้น ส่วนด้านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ ขณะที่ก็ได้เริ่มดำเนินการแล้ว โดยมีการอนุมัติงบ ไปยังกรมทางถนนหลวง และทางกรมทางหลวงชนบท เพิ่มอีก 40,000 ล้านบาท เพื่อช่วยในด้านการขับเคลื่อนการลงทุนภาครัฐ
ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ ได้มีการรับทราบตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัด ที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่ามากขึ้น และก็ได้กำชับให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ดูแลเรื่องของค่าเงินบาท ไม่ให้แข็งค่ามากเกินไป เพราะจะกระทบธุรกิจรายย่อย หรือ SME ได้
ด้าน ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมครม.เศรษฐกิจในวันนี้ ได้เห็นชอบให้กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ (สปสช.) ไปหารือกรอบการจัดสรรงบ กองทุน เพื่อพัฒนาหลักการบริการ และหน่วยการบริการพื้นที่ชนบท 137 แห่ง ในงบประมาณจำนวน 1,943 ล้านเศษ ให้มีความโปร่งใส พร้อมพิจารณาคืนสิทธิการรักษาพยาบาลขั้นพื้นฐานให้กับคนไร้รัฐที่มีปัญหาสิทธิเบื้องต้น ในจำนวน 278,231 คน