วิกฤตธนาคารในสหรัฐ-ยุโรป ดึงหุ้นทั้ง 2 ตลาดร่วงหนัก-บริษัทแม่ SVB ยื่นศาลล้มละลาย

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเกือบ 400 จุดในวันศุกร์ (17 มี.ค.) จากนักลงทุนเทขายหุ้นออกมา ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับวิกฤตในภาคธนาคาร และความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย

-ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,861.98 จุด ลดลง 384.57 จุด

-ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,916.64 จุด ลดลง 43.64 จุด และ

-ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,630.51 จุด ลดลง 86.76  จุด

          ทำให้ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ลดลงร้อยละ 0.1, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4

          เช่นเดียวกับ ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันศุกร์ (17 มี.ค.)เช่นกัน และหุ้นบางตัว ปรับตัวลดลงรายสัปดาห์รุนแรงที่สุดในรอบ 5 เดือน ขณะที่มาตรการสนับสนุนภาคธนาคารของรัฐบาลสหรัฐและยุโรปไม่ได้ช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับวิกฤตธนาคารระดับโลก

-ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 436.31 จุด ลดลง 5.33 จุด

-ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,925.40 จุด ลดลง 100.32 จุด

-ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,768.20 จุด ลดลง 198.90 จุด และ

-ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,335.40 จุด ลดลง 74.63 จุด

          หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นในช่วงแรกขานรับข่าวธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐประกาศอัดฉีดเม็ดเงินรวมกันถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 1 ล้านล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์ (First Republic Bank  FRB) ซึ่งเป็นธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐ และยังขานรับการที่เครดิต สวิส ประกาศขอกู้ยืมเงินจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์จำนวน 5 หมื่นล้านฟรังก์สวิส ภายใต้โครงการจัดหาเงินกู้แบบครอบคลุมและการจัดหาสภาพคล่องในระยะสั้น แต่ต่อมาราคาหุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลง หลังจากมีรายงานว่าเอสวีบี ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (Silicon Valley Bank หรือ SVB) ได้ยื่นเรื่องต่อศาลนิวยอร์กเพื่อขอรับการพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 11 ของกฎหมายล้มละลาย

          นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับวิกฤตในภาคธนาคารอีกครั้ง หลังจากเอสวีบี ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (SVB Financial Group) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (Silicon Valley Bank - SVB) ได้ยื่นเรื่องต่อศาลนิวยอร์กเพื่อขอรับการพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 11 ของกฎหมายล้มละลาย

          การล้มละลายของ SVB และธนาคารซิกเนเจอร์ แบงก์ของสหรัฐในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น จะส่งผลกระทบต่อไปยังระบบธนาคารทั่วโลก และความวิตกดังกล่าวได้แผ่ขยายไปยังยุโรป โดยหุ้นธนาคารเครดิต สวิส ร่วงลงจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาสภาพคล่องของธนาคาร ซึ่งกระตุ้นให้ผู้กำหนดนโยบายรีบเข้ามาช่วยเหลือเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาด

          ราคาหุ้นของธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์ (First Republic Bank หรือ FRB) ซึ่งเป็นธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐ ทรุดตัวลงร้อยละ 32.8 หลังธนาคารประกาศระงับการจ่ายเงินปันผล แม้ธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐประกาศอัดฉีดเม็ดเงินรวมกันถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 1 ล้านล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ FRB

          นักลงทุนมุ่งความสนใจในขณะนี้ไปที่การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 60.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 0.25 สู่ระดับร้อยละ 4.75-5.00 ในการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค. และให้น้ำหนักเพียงร้อยละ 39.5 ที่เฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

#วิกฤตธนาคาร

#สหรัฐและยุโรป