ในการประชุมด่วนของคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต.เมื่อช่วงเย็นวันนี้ เพื่อพิจารณากรณีฝ่ายการเมืองท้วงติงการแบ่งเขต
มีรายงานว่า กกต.เห็นว่า การดำเนินการแบ่งเขตทั้ง 400 เขต
ก่อนหน้านี้ นายปกรณ์ มหรรณพ กกต. แถลงข่าวชี้แจงข้อท้วงติงจากพรรคการเมืองถึงกรณีการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร การแบ่งเขตครั้งนี้กกต.กทม.ยึดหลักตามรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส อย่างเคร่งครัด ซึ่งกฎหมายในมาตรา 27 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ระบุว่าให้แบ่งเขตแต่ละเขตติดต่อกัน และต้องจัดให้มีจำนวนราษฎรในแต่ละเขตใกล้เคียงกัน
สิ่งที่เป็นปัญหาคือกรุงเทพมหานครไม่สามารถกำหนดเขตปกครองเดียวให้เป็นเขตเลือกตั้งได้ เพราะค่าเฉลี่ยของประชากรของกรุงเทพมหานครในหนึ่งเขตเลือกตั้งมีประมาณ 160,000 คน แต่เขตปกครองในเขตคลองสามวา มีประมาณ 200,000 คน เขตบางเขน เขตประเวศ เขตลาดกระบังมีเขตละ 180,000 คน เขตสายไหม 200,000 กว่าคน เขตหนองจอก เขตบางขุนเทียน มีเขตละ 180,000 กว่าคน เขตบางแค 190,000 คน ดังนั้นจะเห็นได้ว่าทั้ง 8 เขตนี้ไม่สามารถแบ่งเป็นเขตเดียวของการเลือกตั้งได้ เราจึงได้พิจารณาตามกฎหมายในมาตรา 21 (2) ที่กำหนดว่า ในกรณีที่ไม่สามารถทำตาม (1) ได้ เพราะราษฎรในแต่ละเขตไม่ใกล้เคียงกัน จึงให้แบ่งเขตตามสภาพของชุมชนที่มีราษฎรติดต่อกันประจำ ในลักษณะเป็นเขตชุมชนเดียวกัน โดยจะต้องให้จำนวนประชากรมีจำนวนใกล้เคียงกันมากที่สุด ซึ่งกกต.ได้ออกหลักเกณฑ์ระเบียบที่ว่า จังหวัดแบ่งเขตโดยค่าเฉลี่ยประชากรในจังหวัดเป็นเกณฑ์ แต่ละเขตไม่ควรเกินร้อยละ 10 ของค่าเฉลี่ยประชากร หรือในกรุงเทพมหานครแต่ละเขตไม่ควรเกิน 16,000 คน
นายปกรณ์ ยังกล่าวอีกว่า ขอให้นักการเมืองโดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครให้คำนึงถึงทั้ง 33 เขต เพราะมันเชื่อมโยงกันหมด อย่าพิจารณาเฉพาะบางเขต เพราะถ้าพิจารณาเฉพาะเขต จะไม่สามารถทำงานในภาพรวมได้เลย และตามที่มีข่าวว่ามีการยื่นร้องต่อศาลปกครองในเรื่องดังกล่าวนั้นเป็นสิทธิที่จะทำได้ตามกฎหมาย แต่ตนขอร้องต่อศาลปกครองว่า ก่อนที่ท่านจะมีคำสั่งอย่างอื่นอย่างใด กกต.พร้อมที่จะชี้แจงให้ข้อมูลและตนยินดีจะไปชี้แจงด้วยตนเอง
#เลือกตั้ง66