สื่อวอลสตรีท เจอร์นัล รายงานว่า คณะผู้บริหารของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ต้องการให้ไบต์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทแม่ติ๊กต๊อก (TikTok) ในจีนขายหุ้นของติ๊กต๊อก มิเช่นนั้นจะถูกแบนในสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตามติ๊กต๊อกชี้แจงว่า หุ้นของไบต์แดนซ์ ร้อยละ 60 เป็นของนักลงทุน, ร้อยละ 20 เป็นของพนักงาน และอีกร้อยละ 20 เป็นของผู้ก่อตั้ง นางบรู๊ค โอเบอร์เวทเทอร์ โฆษกของติ๊กต๊อก กล่าวว่า หากสหรัฐฯต้องการปกป้องความมั่นคงของชาติ การบังคับให้ขายกิจการ เปลี่ยนเจ้าของไม่ใช่การแก้ปัญหา วิธีการที่ดีที่สุดคือการปกป้องข้อมูลและระบบของผู้ใช้ในสหรัฐฯ ด้วยการทำงานที่มีความโปร่งใส มีการตรวจสอบโดยบุคคลที่สาม ซึ่งเป็นสิ่งที่ติ๊กต๊อกกำลังดำเนินการอยู่
ในปี 2563 อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน เคยพยายามแบนติ๊กต๊อก แต่ถูกศาลสั่งห้าม ความเคลื่อนไหวของคณะผู้บริหารประธานาธิบดี ไบเดน ในครั้งนี้ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่ชัดเจนที่สุดในความพยายามควบคุมสื่อจากจีน หลังจากที่เจ้าหน้าที่และสมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรัฐฯ กังวลว่า ข้อมูลผู้ใช้ของติ๊กต๊อกในสหรัฐฯ อาจถูกส่งต่อไปยังรัฐบาลจีนเนื่องจากเป็นสื่อที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 100 ล้านคนในสหรัฐฯ ขณะที่ทั้งสแนปแชท (Snapchat) และเมตา (Meta) ต่างก็เผชิญกับความกดดันจากการแข่งขัน ฐานผู้ใช้งานในสหรัฐฯ โดยเฉพาะวัยรุ่นเปลี่ยนไปเล่นติ๊กต๊อกกันมาก ส่งผลให้ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการก่อตั้ง
ข้อมูลจากอินไซเดอร์ (Insider Intelligence) ระบุว่า ในปี 2566 ผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ ใช้งานติ๊กต๊อกเฉลี่ยวันละ 55.8 นาที, สแนปแชท วันละ 30.8 นาที, อินสตาแกรม (Instagram) วันละ 30.6 นาที และ เฟซบุ๊ก (Facebook) วันละ 30.2 นาที
….
#TikTok
#สหรัฐอเมริกา