ความกังวลวิกฤตธนาคารลุกลามไปที่ยุโรป ฉุดให้หุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาด (15 มี.ค.66) ร่วงลงหนัก นักลงทุนเทขายหุ้นธนาคารเครดิต สวิส ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสวิตเซอร์แลนด์ หลังธนาคารซาอุดี เนชั่นแนล แบงก์ (Saudi National Bank) หรือ SNB ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของเครดิต สวิส ประกาศว่า SNB ไม่สามารถเพิ่มความช่วยเหลือทางการเงินให้กับเครดิต สวิส เนื่องจากจะทำให้ SNB ถือหุ้นในเครดิต สวิสมากกว่า 10% ซึ่งจะเป็นการทำผิดกฎระเบียบธนาคาร สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกดดันภาคการธนาคาร หลังการปิดกิจการของธนาคารในสหรัฐฯ
ดัชนีฟื้นตัวขึ้นมาอีกช่วง หลังจากหน่วยงานกำกับดูแลของสวิตเซอร์แลนด์ ประกาศว่าธนาคารกลางของประเทศจะให้สภาพคล่องทางเครดิตกับธนาคารเครดิต สวิต หากมีความจำเป็น แต่เมื่อปิดตลาดหุ้นดาวโจนส์และเอสแอนด์พี ปรับตัวลดลง
ข่าวของธนาคารเครดิต สวิส เกิดขึ้นหลังจากฝู้ให้กู้พบจุดที่มีปัญหาเกี่ยวกับการรายงานทางการเงินสำหรับปี 2564และ2565
-ดาวโจนส์ ลดลง 280.83 จุด (0.87%) ปิดที่ 31,874.57 จุด
-เอสแอนด์พี ลดลง 27.36 จุด (0.70%) ปิดที่ 3,891.93 จุด
-แนสแดค เพิ่มขึ้น 5.90 จุด (0.05%) ปิดที่ 11,434.05 จุด
หุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลงในการซื้อขายวันพุธ(15มี.ค.66) นำโดยหุ้นของเครดิต สวิส ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานะการเงินของทางธนาคาร
เครดิต สวิส เปิดเผยว่า ธนาคารขาดทุนสุทธิ 1.4 พันล้านฟรังก์สวิสในไตรมาส 4/2565 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.32 พันล้านฟรังก์สวิส ทำให้ยอดขาดทุนตลอดทั้งปีอยู่ที่ 7.3 พันล้านฟรังก์สวิส
นอกจากนี้ ลูกค้าแห่ถอนเงินฝากมากกว่า 1.10 แสนล้านฟรังก์สวิสในไตรมาส 4/2565 ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับข่าวอื้อฉาวของธนาคารในการทำผิดกฎระเบียบ และความเสี่ยงในการถูกดำเนินคดี
ก่อนหน้านี้ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ ปรับลดมุมมองอันดับความน่าเชื่อถือของระบบธนาคารสหรัฐฯ จาก "มีเสถียรภาพ" สู่ "เชิงลบ" โดยเตือนว่า แม้ทางการสหรัฐฯออกมาตรการสกัดวิกฤตธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์(SVB) แต่ธนาคารแห่งอื่นๆ ที่มีตัวเลขขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (unrealized losses) หรือผู้ฝากเงินที่ไม่ได้รับการค้ำประกันเงินฝาก จะยังคงเผชิญความเสี่ยง
#หุ้นสหรัฐฯร่วง
#วิกฤตภาคการธนาคาร
CR:CNBC