ผบก.น.2 ย้ำเลือกเวลาที่เหมาะสม เพื่อเข้าควบคุมเหตุการณ์ 'สารวัตรคลุ้มคลั่ง'

          อาการของ พ.ต.ท.กิตติกานต์ หรือ สารวัตรกานต์ ตำรวจสันติบาล ที่บาดเจ็บ หลังเจ้าหน้าที่ปิดล้อมกว่า 24 ชั่วโมงถึงคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ( ผบก.น.2) เปิดเผยว่า แพทย์กำลังวินิจฉัย ยังไม่ทราบรายละเอียดถึงอาการบาดเจ็บ ขณะนี้ยังไม่สามารถให้การได้ เนื่องจาก ร่างกายอ่อนเพลีย เพราะไม่ได้นอนพักผ่อน และไม่ได้รับประทานอาหารถึง 2 วัน

          จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุของตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เบื้องต้นพบอาวุธปืนลูกโม่ 1 กระบอกของผู้ก่อเหตุตกอยู่บริเวณหลังบ้าน ส่วนเครื่องกระสุนยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีอยู่ในบ้านจำนวนเท่าไหร่ รวมถึงอาวุธชนิดอื่นๆ ด้วย แต่จากข้อมูลพบว่าตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อวันที่ 15 มี.ค. จนถึงเวลาที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ผู้ก่อเหตุยิงปืนออกมาประมาณ 60 นัด พร้อมกับยังไม่ได้ตรวจสอบสารเสพติดภายในบ้าน แต่กำชับกับทีมแพทย์แล้วว่าให้ตรวจเลือดเพื่อหาสารเสพติดด้วย ส่วนในบ้านพักพบสารเสพติดหรือไม่นั้น ยังไม่ยืนยัน เนื่องจากยังไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียด

           ส่วนเหตุผลที่เจ้าหน้าที่ตัดสินใจเข้าจู่โจมเพื่อควบคุมตัวผู้ก่อเหตุนั้น เป็นการประเมินของผู้บัญชาการจากหลายส่วน ประกอบกับเมื่อคืนนี้ กรมสุขภาพจิตส่งแพทย์มาร่วมประเมินสภาวะจิตใจของผู้ก่อเหตุ ซึ่งแพทย์มีความเห็นว่าผู้ก่อเหตุมีสภาพจิตเบี่ยงเบน การตอบสนองไม่ตรง ถามอย่างตอบอย่าง สมควรได้รับการรักษาโดยเร็ว ซึ่งแพทย์เห็นว่าการที่จะใช้การพูดคุย เพื่อให้ยอมมอบตัวนั้นไม่น่าจะทำได้ในระยะเวลาอันสั้น ส่วนเวลาที่เลือกใช้เข้าจู่โจมนั้น ก็เป็นเวลาที่เห็นว่าเหมาะสม เพราะผู้ก่อเหตุมีอาการผ่อนคลายลง หลังได้พูดคุยกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

          ส่วนประเด็น ที่ทำให้ พ.ต.ท.กิตติกานต์ ก่อเหตุใช้ปืนยิงและส่งเสียงโวยวายติดต่อกันนานหลายชั่วโมง อาจเป็นเพราะเครียดสะสมจากปัญหาส่วนตัว ปัญหาเรื่องสุขภาพ และปัญหาการทำงาน เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ตรวจสอบสุขภาพจิต เพื่อปรับตำแหน่งงานแต่ไม่ผ่านเกณฑ์ จากสาเหตุนี้ ทางต้นสังกัดจึงได้ประสานแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เดินทางมาที่บ้านพัก พ.ต.ท.กิตติกานต์ เพื่อนำตัวไปรักษา จึงทำให้ พ.ต.ท.กิตติกานต์ ไม่พอใจ จึงเกิดความเครียด กระทั่งก่อเหตุ

          ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ยังเปิดเผยว่า หากแพทย์รักษา พ.ต.ท.กิตติกานต์พ้นขีดอันตรายแล้ว ก็จะเรียกมาสอบปากคำเพื่อพิจารณาดำเนินคดีอาญา เนื่องจากผู้ต้องหาใช้ปืนก่อเหตุ และเกิดความเสียหายหลายส่วน ทั้งทรัพย์ภายในชุมชน และทรัพย์สินของทางราชการ

          หากประเมินความผิดของสารวัตรกานต์ เบื้องต้นก็จะมีความผิดใน 5 ข้อหา คือ พยายามฆ่าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ , ต่อสู้และขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ , ทำให้เสียทรัพย์ , พกพาอาวุธปืน ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และ ยิงปืนในเมืองหมู่บ้าน ในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร

#ตำรวจคลั่ง