หลังจากรัสเซียและยูเครนทำข้อตกลงอนุญาตให้เรือสินค้าเกษตร รวมถึงข้าวเปลือกจากยูเครน แล่นผ่านทะเลดำในความควบคุมของรัสเซีย เพื่อส่งออกสินค้าสู่ตลาดโลก โดยมีสหประชาชาติ(ยูเอ็น)และตุรกีเป็นผู้ช่วยไกล่เกลี่ย โดยสัญญาฉบับแรกมีผลบังคับ 120 วัน เริ่มจากเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ต่อมา ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้ต่ออายุของสัญญาไปอีก 120 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันเสาร์ที่ 18 มีนาคม 2566
เอเอฟพี รายงานว่า นายเซอร์เก เวอร์ชินิน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศรัสเซีย ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนนครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ระบุในแถลงการณ์ ภายหลังประชุมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสหประชาชาติ(ยูเอ็น)เช่น นายมาร์ติน กริฟฟิธส์ (Martin Griffiths) รองเลขาธิการฝ่ายกิจการมนุษยธรรม และผู้ประสานงานด้านการบรรเทาทุกข์ฉุกเฉินของยูเอ็นและนางเรเบกา กรีนสแปน ประธานของการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD)ที่สำนักงานใหญ่ของยูเอ็นว่า รัสเซียตกลงให้มีการต่ออายุข้อตกลงให้ยูเครนส่งออกสินค้าเกษตรต่อไปอีก 60 วัน เริ่มจากวันที่ 19 มีนาคม 2566 ระบุว่า รัสเซียไม่ขัดข้องเรื่องการต่ออายุสัญญาฉบับนี้ ซึ่งมุ่งหมายเพื่อช่วยลดผลกระทบจากปัญหาวิกฤตด้านอาหาร หลังรัสเซียบุกยูเครนเมื่อต้นปีที่แล้ว
ด้านนายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการยูเอ็น ย้ำว่า ยูเอ็นจะดำเนินการทุกอย่างที่ทำได้ เพื่อให้คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายทำตามสัญญา อีกทั้งจะผลักดันให้มีการต่ออายุสัญญาเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้ รัสเซียได้ปิดล้อมทะเลดำนับแต่บุกยูเครนในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ปีที่แล้ว แต่ต่อมา ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในสัญญาอนุญาตให้เรือสินค้ายูเครนแล่นผ่านทะเลดำ เพื่อส่งออกสินค้าสู่ตลาดโลกตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว
ยูเครนเป็นหนึ่งในผู้ผลิตสินค้าเกษตรรายใหญ่ของโลก เช่น ข้าวเปลือก ข้าวโพดและข้าวสาลี และการทำข้อตกลงการอนุญาตให้เรือสินค้ายูเครนส่งออกสินค้าผ่านทะเลดำ ช่วยคลี่คลายปัญหาขาดแคลนสินค้าประเภทอาหารทั่วโลก โดยร้อยละ 45 ของสินค้าเกษตรทั้งหมดของยูเครนถูกส่งออกไปยังกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา สำหรับประเทศผู้นำเข้าสินค้าเกษตรรายใหญ่จากยูเครน เช่น จีน สเปน ตุรกี อิตาลีและเนเธอร์แลนด์ ด้านยูเอ็น ระบุว่า จนถึงปัจจุบัน ยูเครนได้ส่งออกสินค้าเกษตรกว่า 24.1 ล้านตันไปสู่ตลาดโลก
#รัสเซีย
#สัญญาให้ยูเครนส่งออกสินค้าเกษตร
#บรรเทาวิกฤตอาหารโลก