หลังคณะผู้แทนที่ร่วมประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ หรือรัฐสภาของจีน ลงมติรับรองนาย หลี่ เฉียง อดีตหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์ประจำนครเซี่ยงไฮ้ วัย 63 ปี ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของจีนเมื่อ 2 วันก่อน เพื่อบริหารประเทศจีนหลังนายหลี่ เค่อเฉียง ผู้นำคนก่อนพ้นจากตำแหน่งตามวาระ บีบีซีรายงานว่า นายหลี่ แถลงต่อสาธารณชนในประเทศจีนเป็นครั้งแรกในวันนี้ แสดงความมั่นใจว่า เป้าหมายการเติบโตเศรษฐกิจของจีน ตามที่ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีนตั้งไว้ในการประชุมเมื่อสัปดาห์ก่อนคือ ร้อยละ 5 ในปีนี้ ไม่ใช่ภารกิจที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายอย่างง่ายดาย แต่นายหลี่ เชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจจีน มีพื้นฐานที่มั่นคง จะส่งผลให้จีนฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง
นายหลี่ กล่าวถึง เศรษฐกิจของจีนในปีที่แล้ว ระบุว่า มีบางคนแสดงความเห็นที่ไม่ถูกต้องในเรื่องนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจเอกชน ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ประกอบการบางคนรู้สึกกังวล ย้ำว่า รัฐบาลจีนจะปรับสภาพแวดล้อมต่างๆรวมถึงกฎระเบียบ ให้เอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจของเอกชนมากขึ้นและจะเปิดพื้นที่ให้บริษัทเอกชนมีบทบาทในการทำธุรกิจมากขึ้น
ส่วนความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน นายหลี่ แสดงท่าทีแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกับสหรัฐฯ ระบุว่า ประเทศจีนและสหรัฐฯควรจะร่วมมือกัน และจะต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ซึ่งถ้าหากจีนและสหรัฐฯร่วมมือกัน มีโอกาสสูงขึ้นที่ทั้งสองฝ่ายสามารถจะผลักดันเรื่องการแก้ไขปัญหาต่างๆให้ประสบความสำเร็จเร็วขึ้น ระบุว่า การปิดล้อม และการเผชิญหน้ากัน ไม่เกิดประโยชน์แก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ที่ผ่านมา ประเทศจีนซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลกได้รับผลกระทบจากนโยบายลดโรคโควิด-19 เหลือศูนย์เช่น การล็อกดาวน์เมืองสกัดการแพร่ระบาดในปีที่แล้ว นอกจากนี้ ปัญหาอื่นๆที่ประเทศจีนต้องหาทางแก้ไขในปัจจุบัน เช่น การเลิกจ้างแรงงานและปัญหาประชากรลดลงครั้งแรกในรอบ 60 ปี ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนระบุว่า ในปี 2565 จีนมีประชากรลดลงราว 850,000 คน เหลือราว 1.411 พันล้านคน โดยอัตราการเกิดของประชากรจีนในปี 2565 อยู่ที่เพียง 6.77 คนต่อประชากร 1,000 คน ลดลงจากปี 2564 ซึ่งมีอัตราเกิดอยู่ที่ 7.52 คนต่อประชากร 1,000 คน
#ผู้นำจีน
#แถลงต่อสาธารณชนจีนครั้งแรก
#มั่นใจเศรษฐกิจจีนโตร้อยละ5