ความคืบหน้ากรณีโซเชียลแชร์ภาพชายคนหนึ่ง มีบัตรประชาชนถึง 7 ใบ โดยชื่อ-นามสกุลไม่ซ้ำกัน ต่อมาทราบว่า ชายคนดังกล่าว เป็นเจ้าของร้านกาแฟ ในพื้นที่ อ.ลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี เป็นผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพปลอมแปลงบัตรประชาชน นำไปใช้ในการกระทำความผิด จนผู้เสียหายมีคดีติดตัวหลายคดี ทั้งที่ไม่ได้ก่อเหตุ
ล่าสุด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เบื้องต้นทราบตัวกลุ่มผู้กระทำผิดทั้งหมดแล้ว ขณะนี้พนักงานสอบสวน สภ.ลาดหญ้า กำลังรวบรวมหลักฐาน ขอศาลออกหมายจับกลุ่มผู้กระทำผิด 2-3 คน แต่ขอขยายผลให้มีความชัดเจนมากกว่านี้ก่อน รวมทั้งจากการสอบสวนขณะนี้ ยังไม่พบเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง พร้อมกับฝากเตือนประชาชน ไม่ควรนำบัตรไปขาย หรือนำเอาไปให้คนอื่น บัตรของตัวเองต้องเก็บรักษาไว้เอง การเอาไปขายได้เงินมา 3,000-4,000 บาท แต่กลายเป็นผู้กระทำความผิดโดยไม่รู้ตัวนั้น ไม่คุ้มค่ากัน ส่วนผู้ที่นำบัตรประชาชนของผู้อื่นไปใช้ในการกระทำความผิด ก็มีความผิดด้วยเช่นกัน
สำหรับผู้เสียหาย คือ นายภาคิน ให้ข้อมูลว่า เมื่อปีที่แล้ว เคยสมัครแอปฯ เงินกู้ออนไลน์ โดยแอดมินแจ้งว่า ต้องส่งรูปถ่ายบัตรประชาชน พร้อมกับถ่ายรูปตัวเองร่วมกับบัตรประชาชน เพื่อใช้ยืนยันตัวตนในการสมัครใช้แอปฯ และเสียค่าธรรมเนียมอีก 500 บาท เพื่อขอกู้เงิน 50,000 บาท แต่สุดท้ายก็กู้ไม่ได้ แถมยังถูกนำบัตรประชาชนไปปลอมแปลงก่อคดีอีกหลายคดี โดยมิจฉาชีพใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เปลี่ยนแปลงชื่อและนามสกุลบนบัตร แล้วนำไปหลอกลวง เช่น นำไปใช้หลอกโอนเงินมัดจำซื้อขายรถจักรยานยนต์ในเพจซื้อขายรถมือสองแห่งหนึ่ง เมื่อเหยื่อไปแจ้งความแล้วนำเลขประจำตัวบนบัตรประชาชนไปตรวจสอบ ก็พบว่าเป็นบัตรของนายภาคิน จึงไปแจ้งความไว้ว่า ถูกปลอมแปลงบัตรประชาชน
ด้านนายธนณัฏฐ์ ศรีสันต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี ระบุว่า ทราบว่า คนที่นำบัตรไปหลอกลวงประชาชน อยู่ทางภาคเหนือ ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วย ซึ่งเมื่อทราบข่าว ก็เกรงว่าเจ้าหน้าที่จะทุจริตหรือไม่ จึงรีบตรวจสอบโดยด่วน ก็พบว่า บุคคลดังกล่าว มีบ้านอยู่ในเทศบาลตำบลลาดหญ้า แต่มาทำบัตรที่เทศบาลเมืองกาญจนบุรี และจากการตรวจสอบ ไม่พบเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องด้วย
#ปลอมบัตรประชาชน