สหประชาชาติซื้อเรือขนาดใหญ่เพื่อป้องกันหายนะด้านสิ่งแวดล้อมนอกชายฝั่งเยเมน เนื่องจากเป็นเวลาหลายปีแล้วที่น้ำมันดิบมากกว่า 1 ล้านบาร์เรลถูกเก็บอยู่ในเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ที่ผุพังในทะเลแดง และมีความกังวลว่าเรือจะเสียหายหรือเกิดเหตุระเบิดในไม่ช้า ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลครั้งเลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์
นายอาคิม สไตเนอร์ ผู้บริหารสูงสุดของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) เปิดเผยว่าโครงการฯ มีการระดมทุนและได้จัดซื้อเรือขนส่งน้ำมันดิบขนาดใหญ่ จากบริษัทยูโรนาฟ (Euronav) ที่กำลังอยู่ในระหว่างการซ่อมบำรุงตามปกติอยู่ในประเทศจีน คาดว่าจะเดินทางไปยังเยเมนเพื่อนำน้ำมันออกจากเรือได้ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของแผนปฏิบัติการกำจัดน้ำมันอย่างปลอดภัย หลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเกิดภัยพิบัติด้านสิ่งแวดล้อมและมนุษยธรรม เนื่องจากปริมาณน้ำมันมหาศาลจะทำลายล้างชุมชนชาวประมงบนชายฝั่งทะเลแดงของเยเมน ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 200,000 คน ทั้งชุมชนจะเผชิญกับสารพิษที่คุกคามชีวิต มีมลพิษทางอากาศที่ส่งผลกระทบต่อคนนับล้าน และจะมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อทำความสะอาด
สหประชาชาติใช้เวลาหลายปีในการหาวิธีแก้ปัญหาเรือบรรทุกน้ำมันเซฟเฟอร์ (FSO Safer) ที่สร้างขึ้นในปี 2519 และถูกดัดแปลงให้เป็นที่เก็บน้ำมันลอยน้ำในภายหลัง จอดทอดสมออยู่ใกล้คลังน้ำมัน ราส ไอซา ซึ่งถูกควบคุมโดยกลุ่มกบฏฮูตีของเยเมน ตั้งแต่สงครามกลางเมืองในเยเมนปะทุขึ้นในปี 2558 โดยมีน้ำมันดิบประมาณ 1,140,000 บาร์เรล ขณะที่โครงสร้างของเรือเสื่อมโทรมลงเนื่องจากไม่มีการซ่อมบำรุง
....
#สหประชาชาติ
#เยเมน
#เรือบรรทุกน้ำมัน