PM 2.5 ไทยพุ่ง จุดความร้อนลดลง และยังพบมากในเขตป่าอนุรักษ์

09 มีนาคม 2566, 12:14น.


          สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ(องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เปิดเผย ข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของวันที่ 8 มี.ค.66 ไทยพบจุดความร้อน จำนวน 1,237 จุด ขณะที่ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา มากที่สุด จำนวน 4,949 จุด สปป.ลาว 2,913 จุด กัมพูชา 1,888 จุด เวียดนาม 426 จุด และมาเลเซีย 18 จุด



          สำหรับจุดความร้อนในประเทศไทย ส่วนใหญ่พบในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 517 จุด, พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 295 จุด, พื้นที่เกษตร 195 จุด, พื้นที่เขต สปก. 111 จุด, พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 107 จุด, และพื้นที่ริมทางหลวง 12 จุด ในส่วนของจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุดคือ กาญจนบุรี 221 จุด



          ส่วนค่าฝุ่น PM2.5 เมื่อตรวจสอบจากแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” เมื่อเวลา 10.00 น. พบว่า หลายพื้นที่ของประเทศอยู่ในระดับสีส้มและสีแดง แสดงให้เห็นว่าเกินค่ามาตรฐานที่กำหนด และเริ่มส่งผลต่อสุขภาพ เช่น กำแพงเพชร พะเยา สุโขทัย น่าน ลำพูน แพร่ เลย อุตรดิตถ์ ลำปาง ลพบุรี เป็นต้น ในขณะที่ทุกพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร อยู่ระดับสีส้มเช่นกัน โดยพบค่าฝุ่น PM2.5 สูงสุดที่เขต บางนา ประเวศ บางรัก คลองเตย พระโขนง สาทร วัฒนา ยานนาวา เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ก่อนออกจากบ้านควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจที่อาจจะตามมา



          สิ่งหนึ่งที่ต้องเฝ้าระวังที่มักจะมากับเหตุการณ์ไฟป่าและจุดความร้อนคือ PM 2.5 สถานการณ์การจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลให้เกิด PM 2.5 ได้ในพื้นที่บริเวณชายแดนเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากกระแสลมที่จะพัดผ่านเข้ามา ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบกับระบบต่างๆ ของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THEOS-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง 1 ในภารกิจสำคัญของระบบนี้ คือการสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ได้อย่างทันทีและแม่นยำ เพื่อสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น



 



#จุดความร้อน



CR:ขอบคุณข้อมูล-ภาพ Facebook GISTDA 



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X