วันนี้ติดตามความคืบหน้าในการล่าตัวคนร้ายคดีระเบิดรถยนต์ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี โดยภาพจากกล้องวงจรปิดพบผู้ต้องสงสัย 1 คนที่น่าจะเป็นคนขับรถที่ใช้ในการก่อเหตุ กับมีการคุมตัวพนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) 3 คน ที่มีพิรุธระหว่างสอบปากคำ กับยังมีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยมาซักถามเพิ่มอีก 3 คน อยู่ระหว่างการสอบสวนของฝ่ายทหาร ชุดทำงานของกองทัพภาพที่ 4
เมื่อวานนี้ พล.ต.ต.สมชาย นิตยบวรกุล รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (รอง ผบช.ภ.8) ประชุมติดตามความคืบหน้าคดี ซึ่งตำรวจยังให้ความสำคัญกับกลุ่มพนักงาน รปภ. และกำลังติดตามกลุ่มพนักงาน รปภ.ที่เพิ่งออกไปไม่นานนัก
ส่วนการสอบปากคำ นายนรินทร์ อ่ำหนองบัว หรือ เอ็ม เสื้อแดง ที่มีข้อความโพสต์จากเฟซบุ๊คของเขา เมื่อวันที่ 10 เมษายนในเชิงข่มขู่ว่าจะก่อเหตุรุนแรง ซึ่งผลการสอบปากคำเบื้องต้นเชื่อว่านายนรินทร์ไม่ได้เป็นผู้เปิดเฟซบุ๊ค และโพสต์ข้อความ เช่นเดียวกับในการขยายผลควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเพิ่มเติมอีก2 คน ซึ่งคนหนึ่งยืนยันคล้ายนายนรินทร์ คือมีผู้จัดการให้เปิดเฟซบุ๊ค และซัดทอดไปสู่ผู้ต้องสงสัยรายที่ 3 ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตัวมาสอบปากคำแล้ว ส่วนรถยนต์ที่นำมาใช้ติดตั้งระเบิดแสวงเครื่อง เป็นรถที่ปล้นมาจากองค์การบริหารส่วนตำบลละแอ (อบต.ละแอ) อ.ยะหา จ.ยะลา เชื่อว่า เป็นการจัดฉากปล้นรถ โดยทั้งการว่าจ้างและการประกอบระเบิด กระทำกันนอกพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แล้วจึงส่งรถให้อีกทีมขับไปที่เกาะสมุย โดยพบว่าแผนการของกลุ่มผู้ก่อเหตุ ที่วางแผนอย่างซับซ้อนเพื่อหวังโน้มน้าวให้เชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ยังเชื่อมั่นในข้อมูลที่ว่า การก่อเหตุเป็นบงการของกลุ่มการเมืองอำนาจเก่าที่ต้องการสร้างสถานการณ์ แต่เบี่ยงเบนประเด็นให้เจ้าหน้าที่เข้าใจว่าเกี่ยวข้องกับเหตุใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ไม่หลงประเด็นอย่างแน่นอน
ด้าน นายประเวศน์ สุภาชัย ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสุราษฎร์ธานี กล่าวถึงมาตรการความปลอดภัยของผู้โดยสารทางเรือ หลังเกิดเหตุระเบิดว่า ได้แจ้งให้บริษัทผู้ประกอบกิจการท่าเรือและเรือโดยสาร ให้ดำเนินการตามมาตรการประกาศของกรมเจ้าท่า ท่าเรือแต่ละแห่งโดยให้มีระบบตรวจผ่านเข้าออก ติดตั้งเครื่องนับจำนวนผู้โดยสารอัตโนมัติ ตั้งจุดตรวจสัมภาระต้องสงสัยจัดให้มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรวจรถทุกคันร่วมกับทหาร ตำรวจ ติดตั้งกล้องวงจรปิดในพื้นที่เสี่ยง และขอความร่วมมือให้ผู้โดยสารช่วยกันเฝ้าระวังเหตุ สังเกตความผิดปกติ
ยังมีเรื่องของคดีฉ้อโกง ของบริษัทยูฟัน สโตร์ ซึ่งเมื่อวานนี้ พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำกำลังตำรวจเข้าตรวจค้นสำนักงาน บ.ยูฟัน สโตร์ จก. ย่านบางนา-ตราดซ้ำ โดยมีผู้เสียหายทั้งในและต่างประเทศทยอยแจ้งความ และจนถึงขณะนี้ ปปง.ยึดทรัพย์ไปแล้วกว่า 250 ล้านบาท อยู่ระหว่างขยายผลยึดทรัพย์และสกัดกั้นเส้นทางการเงินที่โอนไปต่างประเทศ ซึ่งพล.ต.ท.สุวิระ เปิดเผยด้วยว่า พบกลุ่มเครือข่ายบริษัทมีพฤติกรรมข่มขู่ไม่ให้ลูกข่ายเข้าแจ้งความกับตำรวจ โดยขู่ว่าบริษัทจะฟ้องกลับทันที ตำรวจจึงดำเนินคดีกับทางบริษัทเครือข่ายเช่นกัน จึงขอให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความ ทั้งประสานตำรวจสากลช่วยตรวจสอบการกระทำความผิดในต่างประเทศด้วย เพราะถือเป็นขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ
ที่น่าเป็นห่วงคือกรณีที่มีนักเรียน นักศึกษาหลงเชื่อคำชักจูงของบริษัท โดยพบนักเรียนอายุ 12 ปี แจ้งขอรับคืนเงินที่นำไปลงทุน เนื่องจากไม่มีความรู้เรื่องหน่วยลงทุน และต้องการนำเงินที่สะสมไปช่วยมารดาจ่ายค่าเทอม ซึ่ง หากมีนักเรียน นักศึกษาได้รับความเสียหาย ขอให้มาแจ้งความกับตำรวจเป็นหลักฐาน โดยจะมีการปกปิดรายชื่อไว้
มาที่เรื่องการพาณิชย์ซึ่งเมื่อวันที่ 8 เมษายน ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ แก้ปัญหาราคาไข่ไก่ตกต่ำมีแนวทางแก้ไขปัญหาหลายด้าน รวมถึงการสนับสนุนการส่งออกและแปรรูป อย่างไรก็ตามในขณะนี้ นสพ.อยุทธ์ หรินทรานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ราคาไข่ไก่กลับเพิ่มขึ้นมาถึง 40 สตางค์ จากราคา 2 บาทก่อนหน้า เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดทำให้แม่ไก่ไม่ออกไข่ แต่ก็จะเป็นเพียงระยะสั้นๆ เมื่อมีฝนตกและอากาศปกติ แม่ไก่ก็จะกลับมาออกไข่เหมือนเดิม จึงขอร้องเกษตรกรไม่นำไก่เข้ากรงเลี้ยง หรือซื้อเลี้ยงน้อยลงเพื่อลดการนำเข้า และดันราคาไข่ให้สูงขึ้น นอกจากนี้ เมื่อเปิดเทอมใหม่ในกลางเดือนพฤษภาคมนี้ ราคาไข่ไก่จะปรับตัวอย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น
ปิดท้ายที่เรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษา ความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้สั่งการให้กรมการบินพลเรือน ประชุมด่วนร่วมกับผู้ประกอบการสายการบินพาณิชย์ของไทยทุกสายการบิน ที่มีตารางเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นอีก เหมือนกรณี 2 สายการบินที่มีปัญหาเชิงเทคนิคของตนเอง จนไม่สามารถเดินทางเข้าญี่ปุ่นได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำชับว่า ไม่ควรเกิดขึ้นอีก เพราะกระทบความรู้สึก และแผนการเดินทางของประชาชน
ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เมื่อวานนี้เรียกประชุมผู้ประกอบการบินที่ทำการบินไปยังประเทศญี่ปุ่นทั้ง 6 สายการบิน ประกอบด้วย การบินไทย,แอร์เอเชียเอ็กซ์ ,เจ็ตเอเชีย, เอเชียแอตแลนติกแอร์ไลน์ ,นกสกู๊ต และเอเชียนแอร์ เพื่อเร่งหามาตรการป้องกันการยกเลิกเที่ยวบิน โดยตอนนี้อยู่ในช่วงเข้มงวดพิเศษ 60 วัน ที่สายการบินของไทยที่บินเข้าญี่ปุ่น ทุกสายการบินอาจโดนสุ่มตรวจได้ เมื่อไปถึงญี่ปุ่น โดยกำชับให้ทำแผนการขายตั๋ว ให้มีความเหมาะสม หากมีการยกเลิกต้องมีการสื่อสารให้กับผู้โดยสารรับทราบ และชดเชยค่าเสียหาย ที่เกิดขึ้น
*-*