นาโต ประเมิน'ปูติน'ไม่มีแผนสร้างสันติภาพ พบปฎิบัติการเชิงรุกครั้งใหม่

          นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต)เปิดเผยกับซีเอ็นเอ็นว่า ไม่มีใครรู้ว่าสงครามในยูเครนจะสิ้นสุดอย่างไร ไม่มีสัญญาณชี้ว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ปรับเปลี่ยนจุดยืนในเรื่องเกี่ยวกับยูเครน ขณะที่ การบุกยูเครนของรัสเซียใกล้จะครบรอบ 1 ปี และย่างเข้าสู่ปีที่ 2 ในวันเสาร์นี้(25 กุมภาพันธ์ 2566) แต่สิ่งเขามั่นใจคือ ชาติตะวันตกจะให้ความสำคัญมากขึ้นในด้านการสนับสนุนด้านอาวุธแก่ยูเครน ถ้าชาติตะวันตกต้องการให้ยูเครนปกป้องดินแดนตนเองในฐานะรัฐเอกราช และต้องการให้การเจรจาสันติภาพประสบผลสำเร็จในอนาคต ชาติตะวันตกจะต้องให้การสนับสนุนด้านอาวุธแก่ยูเครนตั้งแต่ขณะนี้ ประสิทธิภาพของการเจรจาสันติภาพสำหรับยูเครนขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งในการรบในสนามรบด้วย

          นายสโตลเทนเบิร์ก ประเมินสถานการณ์ว่า นายปูติน ไม่มีแผนการสร้างสันติภาพ แต่ผู้นำรัสเซียสั่งให้กองทัพรัสเซียเพิ่มปฏิบัติการเชิงรุกมากขึ้นในการสู้รบในยูเครน ระบุว่า รัสเซียเริ่มปฏิบัติการเชิงรุกครั้งใหม่มาสักพักใหญ่ๆอยู่ก่อนแล้ว เช่น เพิ่มปฏิบัติการโจมตีในเมืองบัคมุตทางภาคตะวันออกของยูเครน พร้อมทั้งยอมรับว่า ยากที่จะชี้ชัดว่า เป็นปฏิบัติการบุกรอบใหม่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ หรือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการบุกครั้งใหญ่กว่าเดิมในช่วงที่จะเริ่มเข้าสู่ปีที่ 2 รัสเซียบุกยูเครน แต่สิ่งที่เห็นชัดเจนคือ รัสเซียระดมทั้งกำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์เข้าไปในพื้นที่ยึดครองทางภาคตะวันออกของยูเครนอย่างต่อเนื่อง

         นายสโตลเทนเบิร์ก กล่าวถึงวิธีการรบของรัสเซียว่า รัสเซียพยายามจะระดมกำลังทหารเข้าไปยังพื้นที่สู้รบให้มากที่สุด เพื่อทดแทนจุดอ่อน เช่น อาวุธด้อยประสิทธิภาพ และการจัดการโลจิสติกส์ เช่น การขนย้ายและการจัดเก็บอาวุธย่ำแย่ ถ้าคุณเป็นผู้นำประเทศที่ไม่สนใจต่อคุณค่าของชีวิตมนุษย์ คุณก็จะสั่งระดมกำลังทหารเข้าไปยังพื้นที่สู้รบให้มากที่สุด โดยไม่สนใจต่อผลกระทบอื่นๆเช่น การสูญเสียกำลังพล หรือการเสียชีวิตของชาวบ้านในยูเครน

#นาโต

#รัสเซียบุกยูเครน