รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องพิจารณาคดีรัสเซียฐานก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติในยูเครน

          นางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวต่อที่ประชุมความมั่นคงมิวนิก ที่เยอรมนี ว่ามีหลักฐานที่ชัดเจนมากมายซึ่งบ่งชี้ว่า รัสเซียก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติในยูเครน นับตั้งแต่เริ่มบุกรุกโจมตีอย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 และสหรัฐฯ เรียกร้องให้มีการนำตัวผู้กระทำความผิดเข้าสู่การพิจารณาในศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือไอซีซี

          อย่างไรก็ตาม สหประชาชาติให้คำนิยามคำว่าอาชญากรรมต่อมนุษยชาติว่าคือการโจมตีแบบกระจายหรือเป็นระบบ ต่อประชากรพลเรือนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่รัสเซียปฏิเสธหลายครั้งว่าไม่ได้กำหนดเป้าหมายพลเรือนในระหว่างการรุกราน ขณะที่ ไอซีซีไม่มีอำนาจจับกุมผู้ต้องสงสัยและใช้อำนาจได้เฉพาะในประเทศที่ลงนามในข้อตกลงที่จัดตั้งศาลเท่านั้น แต่รัสเซียไม่ได้ร่วมลงนามในข้อตกลง จึงไม่น่าจะส่งตัวผู้ต้องสงสัยรายใดเข้าสู่การพิจารณาคดี

          แม้ว่าข้อเรียกร้องของรองประธานาธิบดีสหรัฐฯจะไม่มีผลกระทบต่อสงครามในยูเครนเวลานี้ แต่สหรัฐฯ คาดหวังว่าจะเป็นการกดดันนานาชาติให้ร่วมโดดเดี่ยวประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย และมีการใช้มาตรการทางกฎหมายหรือการคว่ำบาตรเพื่อลงโทษบุคคลในคณะผู้บริหาร ซึ่งนางแฮร์ริสกล่าวว่า รัสเซียอ่อนแอลงมาก หลังจากที่สหรัฐฯและพันธมิตรร่วมกันใช้มาตรการต่าง ๆ

          การประชุมเป็นเวลา 3 วันที่มิวนิก คือการทดสอบที่สำคัญของชาติตะวันตก ในการสนับสนุนยูเครน ซึ่งผู้นำหลายประเทศในที่ประชุมเรียกร้องให้มีการสนับสนุนยูเครนในระยะยาว ในขณะที่ทั้ง 2 ฝ่ายในสงครามกำลังเตรียมพร้อมสำหรับยกระดับการสู้รบในฤดูใบไม้ผลิ

          ประธานาธิบดี โวโลดีมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนเข้าร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ เรียกร้องให้ประเทศพันธมิตรเร่งจัดส่งอาวุธให้แก่ยูเครน โดยเปรียบเทียบสถานการณ์ในปัจจุบันกับเรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิล ตอนที่เดวิดสังหารยักษ์โกไลแอธด้วยการเหวี่ยงเชือกผูกหินก้อนเดียว ซึ่งประธานาธิบดีเซเลนสกี กล่าวว่า เดวิดไม่ได้เอาชนะโกไลแอธได้ด้วยการเจรจา แต่เพราะการต่อสู้

          นาย ดมิโตร คูเลบา รัฐมนตรีการต่างประเทศยูเครน กล่าวว่า รัสเซียทำสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เพราะไม่คิดว่าชาวยูเครนสมควรอยู่ในฐานะประเทศที่มีอำนาจสูงสุด มีผู้เสียชีวิตหลายหมื่นคน และอีกหลายล้านคนต้องถูกบังคับให้ออกจากบ้าน

          ขณะที่นายกรัฐมนตรี ริซี ซูแน็ก แห่งสหราชอาณาจักร ที่ให้การสนับสนุนยูเครนมาตั้งแต่รัสเซียเริ่มการรุกรานเมื่อเกือบ 1 ปีก่อน ทั้งการส่งมอบอาวุธและการฝึกทหาร แต่เขายังคงปฏิเสธมอบเครื่องบินขับไล่ตามที่ยูเครนเรียกร้อง โดยอ้างว่า ต้องใช้เวลาในการฝึกนักบินและลูกเรือฝ่ายสนับสนุน แต่สหราชอาณาจักรยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือในแนวทางอื่นๆ

...

#สหรัฐอเมริกา

#ยูเครน

#ความมั่นคงมิวนิก