ทีม USAR Thailand เตรียมกลับถึงไทย 18 ก.พ.นี้ พร้อมถอดบทเรียนรับมือภัยพิบัติในประเทศไทย

          นายนริศ ขำนุรักษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ทีมค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง (Urban Search and Rescue)  หรือ ทีม USAR Thailand ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย  ที่เดินทางไปปฏิบัติภารกิจสนับสนุนการค้นหาผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในประเทศตุรกีและซีเรีย จะเสร็จสิ้นภารกิจ และเดินทางออกจากตุรกีในวันที่ 17 ก.พ.นี้  ซึ่งจะกลับมาถึงประเทศไทยในวันที่ 18 ก.พ. เวลาประมาณ 10.00 น. โดยตลอดระยะเวลาที่ปฏิบัติภารกิจ  ทีม USAR Thailand สามารถทำงานได้มาก  ค้นพบร่างผู้เสียชีวิต 34 ราย  ส่วนทีมแพทย์ก็สามารถช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยได้จำนวนมาก โดยตนได้รายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบแล้ว

          หลังจากที่ทีม USAR Thailand เดินทางกลับมาถึงประเทศไทย ก็จะมีการถอดบทเรียนเกี่ยวกับภัยพิบัติแผ่นดินไหว เนื่องจากเป็นภัยพิบัติที่ใกล้ประเทศไทยเข้ามาทุกที อย่างล่าสุดเมื่อวานนี้ (13 ก.พ.) ก็เกิดแผ่นดินไหวที่จังหวัดพังงา แม้จะสร้างความเสียหายไม่มากนัก แต่ก็ทำให้ประชาชนตื่นตระหนก โดยจะเน้นถอดบทเรียนเรื่องวิศวกรรม ด้านการออกแบบโครงสร้างอาคารเพื่อรองรับเหตุแผ่นดินไหว และตั้งใจว่าจะพัฒนาทีม USAR Thailand ให้มีศักยภาพ รวมทั้งเพิ่มจำนวนบุคลากรให้มากขึ้น

          รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ในการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566  งบสำหรับทีม  USAR Thailand เกือบถูกตัดออกในชั้นกรรมาธิการ แต่ท้ายสุดเมื่อมีการชี้แจงจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ก็ทำให้งบไม่ถูกตัด จึงหวังว่าในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 จะมีการสนับสนุนงบประมาณให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อใช้ในการพัฒนาและจัดตั้งทีม USAR Thailand เพิ่มขึ้น เพราะประเทศไทยเริ่มประสบภัยพิบัติหลายประเภท เช่น แผ่นดินไหว ปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ปัญหาหมอกควัน ไฟป่า ซึ่งจำเป็นต้องใช้ทีม USAR Thailand ในการปฏิบัติงาน นอกจากนี้ ทั่วโลกก็ยังรู้จักทีม USAR Thailand ของไทย หากมีภารกิจในประเทศอื่น ก็อาจส่งทีม USAR Thailand ไปสนับสนุนช่วยเหลือได้ จึงต้องพัฒนาขีดความสามารถในด้านต่างๆ

          นายนริศ ยังขอบคุณคนไทย ที่ร่วมส่งกำลังใจให้ทีม USAR Thailand และสุนัขกู้ภัย เซียร่า ซาฮาร่า ที่ร่วมภารกิจในครั้งนี้ด้วย

#ทีมUSARThailand

#เซียร่าซาฮาร่า

#k9

#แผ่นดินไหวตุรกี

CR ขอบคุณภาพข่าว FB มูลนิธิเพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคม : Environmental and Social Foundation