ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศ กรุงเทพมหานคร(กทม.) สรุปผลการตรวจวัด PM2.5 วันที่ 13 ก.พ. 66 เวลา 05.00-07.00 น. (3 ชั่วโมงล่าสุด) ตรวจวัดได้ 10-30 มคก./ลบ.ม. ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 17.6 มคก./ลบ.ม. ค่า PM2.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกสถานีที่มีการตรวจวัด
เมื่อเวลา 07.00 น. ตรวจวัดค่าฝุ่นละออง PM2.5 ได้ 10-30 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม.) โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อวานในช่วงเวลาเดียวกัน และพบว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกสถานีที่มีการตรวจวัด (มาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม.)
ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง(คาดการณ์แนวโน้มสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อฝุ่นPM2.5 โดยสภาพทางอุตุนิยมวิทยา)
-ในช่วงวันที่ 10-16 ก.พ. 2566 คาดว่า อัตราการระบายอากาศดี อากาศค่อนข้างเปิด มีฝนบางพื้นที่ ประกอบกับช่วงวันที่ 12-13 ก.พ. 66 มีความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทย มีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองได้บางพื้นที่ มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้ และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุม ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ส่งผลให้เกิดการสะสมของฝุ่นละออง PM2.5 มีแนวโน้มทรงตัว(จากวันก่อนหน้า) และวันนี้พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
ดังนั้นคาดการณ์ ช่วงวันที่ 13-16 ก.พ. 2566 พื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลมีแนวโน้มคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์คุณภาพอากาศที่ดีเนื่องจาก สภาพอากาศที่เปิดมากขึ้น และมีลมใต้ที่มีกำลังค่อนข้างแรงช่วยพัดพาฝุ่นละออง ออกจากพื้นที่ แต่หลังวันที่ 17 ก.พ. 66 เป็นต้นไปอาจมีแนวโน้มฝุ่นละอองขึ้นสูงได้ในบางพื้นที่**
ช่วงวันที่ 14-17 ก.พ. 66 อากาศแปรปรวน จะมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น เนื่องจากจะมีมวลอากาศเย็นระลอกใหม่ แผ่เสริมลงมาปกคลุมภาคอีสาน ทิศทางลมยังแปรปรวนในช่วงแรก ก่อนที่จะกลายเป็นลมตะวันออกเฉียงเหนือ (ลมหนาว) มีกำลังแรงขึ้น ซึ่งในช่วงวันที่ 16-17 ก.พ.66 กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส ในช่วงนี้จึงควรเฝ้าระวังการสะสมตัวของฝุ่นละออง PM2.5 เนื่องจากมีแนวโน้มที่ความกดอากาศจะสูงขึ้น‼
จากการตรวจสอบข้อมูลจุดความร้อน (hotspot) ผ่านดาวเทียม จากหน่วยงาน NASA ไม่พบจุดความร้อนที่ดาวเทียมตรวจพบค่าความร้อนสูงผิดปกติจากค่าความร้อนบนผิวโลกบริเวณพื้นที่กรุงเทพมหานคร
#ฝุ่นPM
CR:กรุงเทพมหานคร