นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ไฟป่าที่รุนแรงมากขึ้น จึงให้ทุกหน่วยงานในสังกัดเร่งบริหารจัดการเชื้อเพลิงตามหลักวิชาการเพื่อไม่ให้สถานการณ์ไฟรุนแรง โดยเฉพาะการชิงเผา และทำแนวกันไฟ ซึ่งจะต้องมีการสร้างความเข้าใจกับประชาชน พร้อมตั้ง War Room พื้นที่ป่าอนุรักษ์ในแต่ละจังหวัด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ให้รู้ตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ ที่เข้าปฏิบัติงาน พร้อมทั้งการประเมินสถานการณ์ของการทำงานตามสภาพอากาศ ซึ่งจะมีภาคประชาชนเข้ามาร่วมทำงานด้วย
คาดการณ์พื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าในพื้นที่อนุรักษ์ 17 จังหวัดภาคเหนือ ประเมินจากข้อมูลพื้นที่ไฟไหม้ซ้ำซากโดยภาพถ่ายดาวเทียม MODIS 23 ปี พ.ศ.2543-2566 พบว่ามีอุทยานแห่งชาติ 7 แห่งได้แก่ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ อุทยานแห่งชาติแม่สะเรียง อุทยานแห่งชาติผาแดง อุทยานแห่งชาติแม่ปิง อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง อุทยานแห่งชาติดอยภูคา และอุทยานแห่งชาติสาละวิน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 6 แห่ง ได้แก่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปายฝั่งซ้าย และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสาละวิน และวนอุทยาน 2 แห่ง ได้แก่ วนอุทยานห้วยแม่แสด และวนอุทยานผาหินตั้ง
สำหรับพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ถือเป็นพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ มีพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 5,257,533.88 ไร่ จึงมีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการควบคุมไฟป่าเชียงใหม่-ลำพูน ประจำปี 2566 และคณะทำงานดูแลรับผิดชอบการควบคุมไฟป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์จำนวน 21 คณะทำงาน โดยใช้มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช 2 มาตรการ 3 ระยะ และ 5 กิจกรรม พร้อมทั้งจัดเตรียมกำลังพล อุปกรณ์ เครื่องมือ และยานพาหนะ โดยในปัจจุบันมีชุดลาดตระเวนไฟป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษดับไฟป่า (เสือไฟ) เจ้าหน้าที่สังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษเหยี่ยวไฟ กรมป่าไม้ และเจ้าหน้าที่กรมทหารราบที่ 7 กองพลทหารราบที่ 4 กองทัพภาคที่ 3 รวม 455 นาย
...
#ป้องกันไฟป่า
#เชียงใหม่
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช