คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ หรือ ICRC และสหประชาชาติได้ส่งเครื่องบินลำเลียงสิ่งของบรรเทาทุกข์และความช่วยเหลือทางการแพทย์น้ำหนักรวม 16 ตัน เดินทางไปกรุงซานา นครหลวงของเยเมน เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในพื้นที่สงครามให้แก่เยเมนได้สำเร็จแล้ว ขณะที่กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูนิเซฟ ได้ส่งสิ่งของอุปโภค บริโภค และความช่วยเหลือทางการแพทย์รวม 16 ตันไปยังเยเมนแล้วเช่นกัน เบื้องต้น สิ่งของเหล่านี้เพียงพอสำหรับการดูแลผู้ใหญ่ราว 80,000 คน และเด็กอีก 20,000 คน อย่างไรก็ตาม ฝูงเครื่องบินรบของกองกำลังพันธมิตรอาหรับนำโดยซาอุดีอาระเบียยังคงปฏิบัติการโจมตีทางอากาศอย่างหนักหน่วง เพื่อสนับสนุนกองทัพเยเมนปราบปรามกลุ่มกบฏชีอะฮ์ฮูซีในเมืองเอเดน ทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งโฆษกกองกำลังพันธมิตรอาหรับแถลงว่า เป้าหมายการโจมตีล่าสุดเป็นค่ายทหารของกลุ่มกบฏใน 9 เมือง และจะเดินหน้าการโจมตีไปจนกว่ากลุ่มกบฏจะล่าถอยไปจนถึงฐานที่มั่นในแถบหุบเขาทางตอนเหนือ ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียเกรงว่า การรุกคืบของกลุ่มกบฏฮูซีเท่ากับเป็นการขยายอิทธิพลของอิหร่านไปประชิดพรมแดนซาอุดีอาระเบีย ขณะที่นายจอห์น แคร์รี รมว.กต.สหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯ ไม่สามารถยอมรับการแทรกแซงของต่างชาติในเยเมนได้ โดยระบุว่า จากการสะกดรอย อิหร่านได้จัดส่งเที่ยวบินเข้าไปในเยเมนทุกสัปดาห์
สหรัฐฯ จะขยายการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองกับซาอุดีอาระเบีย เพื่อช่วยชี้เป้าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศกลุ่มกบฏชีอะฮ์ฮูซี ในเยเมน หลังการโจมตีตลอดระยะ 2 สัปดาห์ ล้มเหลวในการหยุดยั้งการรุกคืบของกลุ่มกบฏฮูซี ซึ่งมีอิหร่านให้การสนับสนุน เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า ความช่วยเหลือยังรวมถึงการช่วยแยกแยะพื้นที่ซึ่งควรหลีกเลี่ยง เพื่อลดความสูญเสียชีวิตของประชาชน ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ก็พยายามเร่งจัดส่งอาวุธ สร้างเครือข่ายประสานงานวางแผนร่วมกันในศูนย์ปฏิบัติการของซาอุดีอาระเบีย และจัดส่งทีมประสานงาน 20 คนเดินทางไปช่วยเหลือกลุ่มประเทศพันธมิตรอาหรับ ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้เริ่มจัดส่งเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงทางอากาศให้แก่เครื่องบินพันธมิตรอาหรับ แต่เป็นนอกน่านฟ้าเยเมน เนื่องจากสหรัฐฯ ยังไม่ต้องการทำสงครามกับกลุ่มกบฏฮูซีเต็มตัว ในช่วงที่สหรัฐฯ ต้องใช้กำลังทหารปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะฮ์ในคาบสมุทรอาระเบีย หรือ AQAP ในเยเมน อย่างไรก็ดี สหรัฐฯ อาจจัดส่งความช่วยเหลือให้ซาอุดีอาระเบียผ่านสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์แทน