คณะผู้แทนจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)อยู่ระหว่างการเยือนกรุงอิสลามาบัด และเจรจากับรัฐบาลปากีสถานมาแล้ว 10 วัน โดยปากีสถานต้องการให้ไอเอ็มเอฟอนุมัติเงินกู้ฉุกเฉิน 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่การเจรจายังไม่ได้ข้อยุติ และคณะผู้แทนจากไอเอเอ็มจะเดินทางกลับยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐฯในวันนี้(9 กุมภาพันธ์ 2566) ความจริงแล้ว เงินกู้ก้อนนี้จะต้องได้รับอนุมัติจากไอเอ็มเอฟมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีก่อน แต่การเจรจายังไม่ได้ข้อยุติและยืดเยื้อเรื่อยมาจนถึงบัดนี้
บีบีซีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีเชห์บาซ ชารีฟของปากีสถาน จัดประชุมครั้งสุดท้ายกับคณะผู้แทน ในวันนี้ เพื่อขอให้ไอเอ็มเอฟอนุมัติเงินกู้ฉุกเฉินกอบกู้วิฤตเศรษฐกิจ หลังจากทุนสำรองระหว่างประเทศของปากีสถานลดลงอย่างรวดเร็ว เป็นปัญหาเร่งด่วนที่สุดที่ทางการปากีสถานจะต้องเร่งหาทางคลี่โดยเร็ว ในปัจจุบัน ปากีสถานมีเงินตราต่างประเทศ โดยเฉพาะเงินดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับใช้จ่ายเพื่อการนำเข้าสินค้าจากต่างแดนได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน อีกทั้งมีหนี้ต่างประเทศอีกก้อนหนึ่ง ซึ่งรัฐบาลปากีสถานต้องหาเงินมาจ่าย
ขณะเดียวกัน เงินเฟ้อของปากีสถานในเดือนมกราคมพุ่งสูงกว่าร้อยละ 27 สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2518 หลายฝ่ายหวั่นเกรงว่าปากีสถานอาจจะประสบวิกฤตเศรษฐกิจในปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่ปากีสถานจะจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป หลังวาระของสภานิติบัญญัติชุดปัจจุบันสิ้นสุดในเดือนสิงหาคม 2566
เช่นเดียวกับหลายประเทศ คือ ปากีสถานได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การบุกยูเครนของรัสเซีย ส่งผลให้ราคาน้ำมันแพงทั่วโลก โดยปากีสถานนำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิลจากต่างแดน และการนำเข้าอาหารก็มีราคาแพงกว่าเดิม ถ้าเงินรูปีอ่อนค่าลง ต้นทุนการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจะสูงขึ้น มีผลกระทบถึงการขนส่งและการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมอื่นๆด้วย
เมื่อเร็วๆนี้ รัฐบาลปากีสถานปรับขึ้นราคาเชื้อเพลิงกว่าร้อยละ 13 และพูดเป็นนัยว่ารัฐบาลอาจปรับขึ้นราคาอีก นอกจากนี้ เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ในปากีสถานในปีที่แล้ว ซึ่งยูเอ็นประเมินว่าอาจจะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เกิดน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง พื้นที่เกษตรกรรมถูกน้ำท่วมเสียหาย กระทบความสามารถในการผลิตอาหาร ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรเช่น ข้าวสาลีและ หัวหอมแดงมีราคาแพงกว่าเดิม
#ปากีสถาน
#เจรจาไอเอ็มเอฟ
#กอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจ