เขากล่าวด้วยว่า เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ประชาธิปไตยเผชิญกับภัยคุกคามรุนแรง ซึ่งเป็นการอ้างถึงเหตุรุนแรงเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 ที่มีกลุ่มต่อต้านบุกรุกอาคารรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งจนถึงวันนี้ก็ยังมีความบอบช้ำปรากฏอยู่แต่ไม่ได้สร้างความเสียหายต่อประชาธิปไตยของอเมริกา นอกจากนี้ยังมีความท้าทายจากโรคระบาดใหญ่ โควิด-19 ที่ทำให้ต้องปิดโรงเรียนและธุรกิจต่างๆ เศรษฐกิจหยุดชะงัก แต่สุดท้ายแล้วสหรัฐฯ ก็ยังสามารถเอาชนะได้ และอ้างว่ารัฐบาลของเขาสามารถสร้างงานใหม่ 12 ล้านตำแหน่งในเวลา 2 ปีซึ่งมากกว่าประธานาธิบดีทุกคนที่มีการทำงานในวาระ 4 ปี
และกล่าวถึงจีนว่า เขาเปิดกว้างที่จะทำงานร่วมกับจีน เพื่อพัฒนาผลประโยชน์ของอเมริกาและเป็นประโยชน์ต่อโลก แต่หากจีนคุกคามอธิปไตยของสหรัฐฯ สหรัฐฯก็พร้อมจะปกป้องประเทศของเรา
นอกจากนี้ยังกล่าวถึงสงครามในยูเครน ซึ่งประธานาธิบดีไบเดนเน้นย้ำถึงการสนับสนุนของสหรัฐฯ ต่อยูเครนในการเผชิญกับการรุกรานของรัสเซีย ในขณะที่สงครามใกล้จะครบรอบหนึ่งปี เขากล่าวว่า อเมริกาคือผู้นำในการรวมพันธมิตรนาโตและทั่วโลกเพื่อร่วมกับชาวยูเครนในการต่อต้านรัสเซีย
และในประเด็นการปฏิรูปตำรวจ ซึ่งในกลุ่มแขกรับเชิญในการแถลงนโยบายครั้งนี้ยังมีพ่อแม่ของ “ไทร์ นิโคลส์” ชายอเมริกันผิวสีซึ่งเสียชีวิตจากการถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกายที่เมืองเมมฟิส ซึ่งเขากล่าวว่า ชาวอเมริกันทุกคนไม่ว่าจะมีผิวสีใดจะต้องได้รับการคุ้มครองที่เท่าเทียมกันภายใต้กฎหมาย และกล่าวว่าในขณะที่ทุกคนมีความกังวลเมื่อต้องเผชิญกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ในอีกทางหนึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องเสี่ยงชีวิตทุกคืนและวันก็มีความเครียดมากเช่นกัน เขารู้ว่าตำรวจส่วนใหญ่และครอบครัวของพวกเขาเป็นคนดี มีเกียรติ
....
#ประธานาธิบดีสหรัฐ