กองทัพเรือสหรัฐฯ เผยแพร่ภาพการกู้ซากบอลลูนสอดแนมของจีนที่ถูกยิงตกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ในพื้นที่นอกชายฝั่งรัฐเซาท์แคโรไลนา จากภาพถ่ายที่มีการเผยแพร่แสดงให้เห็นว่า ในกลุ่มเจ้าหน้าที่ของกองทัพเรือยังมีสมาชิกจากหน่วยเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิดร่วมภารกิจ มีการใช้โดรนใต้น้ำ เรือของกองทัพเรืออีกหลายลำในปฏิบัติการ
บอลลูนนี้มีความสูงประมาณ 60 เมตร (200 ฟุต) มีชุดเซ็นเซอร์ยาวอยู่ด้านใต้ ซึ่งพลอากาศเอก เกล็น แวนเฮิร์ค ผู้บัญชาการกองทัพอากาศสหรัฐฯ และกองบัญชาการป้องกันการบินและอวกาศอเมริกาเหนือ เปิดเผยว่า บอลลูนมีขนาดประมาณเครื่องบินเจ็ตขนาดเล็ก
แม้ทางการจีนจะยืนยันหลายครั้งว่า เป็นเรือเหาะพลเรือนไร้คนขับ ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลสภาพอากาศเป็นหลักและเคลื่อนที่นอกเส้นทางเนื่องจากกระแสลม แต่สหรัฐฯ แย้งว่าการมีอยู่ของบอลลูนในน่านฟ้าสหรัฐฯคือการละเมิดอธิปไตย
พลอากาศเอก แวนเฮิร์ค กล่าวว่า การกู้บอลลูนต้องใช้ความระมัดระวัง เพื่อป้องกันโอกาสที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของบอลลูนจะระเบิดขึ้น นอกจากนี้ กองทัพเรือยังมีการทำแผนที่และสแกนพื้นทะเลเพื่อหาชิ้นส่วนที่เหลืออยู่ทั้งหมด เพื่อนำไปวิเคราะห์ว่าบอลลูนนี้ใช้เซ็นเซอร์ประเภทใด และทำความเข้าใจว่าบอลลูนสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างไร
พลจัตวา แพทริค ไรเดอร์ โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยว่า หลังจากที่ยิงบอลลูนสอดแนมของจีน ทางกระทรวงฯ ได้ติดต่อกับกระทรวงกลาโหมของจีนเพื่อขอกำหนดนัดประชุมทางไกลระหว่างนายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กับนายเว่ย เฟิงเหอ รัฐมนตรีกลาโหมของจีน แต่ถูกปฏิเสธ ซึ่งสหรัฐฯเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย แต่สหรัฐฯ ยังมีความมุ่งมั่นที่จะเปิดกว้างด้านการสื่อสารกับจีนต่อไป
เมื่อวันจันทร์ (6 ก.พ.66) นายจอห์น เคอร์บี โฆษกความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว กล่าวว่า สหรัฐฯ ไม่ได้แสวงหาการเผชิญหน้า แต่ไม่เชื่อว่านี่คือบอลลูนสำรวจอากาศชนิดหนึ่งที่ลอยไปตามลม
จากนั้นในวันอังคาร (7 ก.พ.) นายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ กล่าวว่า ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี โจ ไบเดน กำลังมองหาแนวทางอื่น ๆ ที่สามารถดำเนินการได้เพื่อตอบโต้เรื่องการที่จีนส่งบอลลูนสอดแนมเข้ามาในสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นการดำเนินการที่ “สงบ รอบคอบ และมีประสิทธิภาพ” แต่เขาไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่าคือมาตรการใด
ความสัมพันธ์ระหว่างสองมหาอำนาจเพิ่มความตึงเครียดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจากปัญหาต่างๆ มากมาย ตั้งแต่ข้อพิพาทเรื่องเทคโนโลยีและการค้า ไปจนถึงสถานะของเกาะไต้หวัน ขณะที่ความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 1 และ 2 ของโลกมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการแก้ปัญหาระดับโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เมื่อครั้งที่ประธานาธิบดีไบเดนกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน พบหารือนอกรอบการประชุมสุดยอด G20 ที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซียในเดือนพฤศจิกายน (2565) ทั้ง 2 ฝ่ายต่างย้ำว่าพวกเขาไม่ได้มองหาการเผชิญหน้าหรือสงครามเย็นครั้งใหม่ และกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เพิ่มเติมว่าสหรัฐฯ และจีนจะพยายามจัดการ “อย่างมีความรับผิดชอบ” ต่อความแตกต่างของพวกเขา
…
#บอลลูนจีน
#สหรัฐ
ภาพ U.S. Fleet Force